In Thailand
ขาลง!ศิษย์หลวงพ่อพูลโต้เดือด'แตะจิ้ม' โยนเล่นคู่ปรับปากหาเรื่อง'หลวงพี่น้ำฝน'
นครปฐม-ศิษย์หลวงพ่อพูล ออกโรงโต้เดือด กรณีเพจ ไพรวัลย์ โพสต์ข้อความเหมาะหรือไม่สังขารมาให้ผู้หญิง แตะจิ้ม ย้ำมีแต่คนอัปปรีย์ จัญไร ที่คิดจะโจมตีวัดไผ่ล้อม บอกจะเล่นหลวงพี่น้ำฝนก็เล่นไป เพราะรู้ว่าไม่เอาผิด แต่ก้าวล่วงเอาหลวงพ่อพูลมาเล่นด้วย แบบนี้ยอมไม่ได้ ขณะไวยาวัจกรณ์ เผย คนเดิม คู่หูเดิม โจมตีไม่เลิก เตรียมข้อมูลฟ้องรูด ทั้งเจ้าตัว คู่หู และผู้จัดรายการดัง ส่วนเอฟซี ใส่ภาพข้อความใส่ร้ายเข้าข่ายเอาด้วย
วันนี้ 4 สิงหาคม 65 ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณี เพจ "ไพรวัลย์ วรรณบุตร" ได้มีการโพสต์ข้อความว่า " มันสมควรไหมคะ เอาร่างพระเกจิซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ ให้ฆราวาส แตะๆจิ้มๆ โดยเฉพาะ ก็พี่เป็นผู้หญิงแค่นี้ทำไมคิดไม่ได้ค่ะอายเค้าบ้างไหมเวลาไปบอกใครต่อใครว่าฉันเป็นตำรวจพระ" จากนั้นได้มีการเขียนคอมเมมทน์ อีกว่า "การเก็บร่างของครูบาอาจารย์ไว้เพื่อสักการะบูชา ก็พอเข้าใจได้นะคะ แม้จะขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจน เรื่องการให้พิจารณาความไม่เที่ยงของร่างกายตามหลักพระไตรลักษณ์ แต่เก็บไว้แล้ว ก็ควรคำนึงถึงเรื่องความเหมาะสมให้มากๆ การให้เกียรติและการเคารพต่อร่างของพระเกจิที่ท่านมรณภาพไปแล้ว การเผยแพร่ภาพต่างๆ ที่ดูไม่งาม ซึ่งแม้แต่ในกรณีของบุคคลทั่วไป ก็ยังมีกฎหมายคุ้มครอง" "คนก็ขยันแท็กดิฉันให้เข้าไปดูนะคะ แหม่ หางานให้อีกล่ะ" โดยมีการลงภาพร่างของสังขารคาดว่าจะเป็นเกจิดัง พร้อมกับขึ้นข้อความอีกว่า " เพื่ออะไรคะ"
ซึ่งจากนั้นได้มีสมาชิกแฟนคลับได้เข้ามาคอมเมนท์ ทำนองเป็นการกระทำไม่เหมาะสม ก่อนที่จะมีคนโพสต์เอาภาพของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาวัดไผ่ล้อม และศิษยานุศิษย์ กำลังทำพิธีบนสรีระสังขารของหลวงพ่อพูล และได้มีการนำอีกหลายภาพมาโพสต์ต่อเนื่อง บางรายได้มีการตำหนิหนักถึงขึ้นกล่าวหาว่านำสังขารของครูอาจารย์ฉีดฟอร์มาลีนและนำมาหากิน และอีกหลายคอมเม้นท์จนเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในสังคม เนื่องจาก นายไพรวัลย์มีประเด็นขัดแย้งกับหลวงพี่น้ำฝนหลังจากได้ออกมากล่าวแสดงความคิดเห็นถึงความไม่เหมาะสมของพระพยอมกัลยาโณเจ้าอาวาสวัดสวนแก้วที่ออกมาพูดถึงเรื่องการเมืองและก้าวล่วงไปถึงมาตรา 112 สัปดาห์ก่อน
วันนี้ข่าวได้พยายามติดต่อหลวงพี่น้ำฝนเพื่อสอบถามความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวแต่กิจนิมนต์ไปจัดสถานที่ในการเททองเพื่อจัดสร้างพระและวัด โดยมีเพียงศิษยานุศิษย์และเจ้าหน้าที่วัดที่คอยดูแลพื้นที่บริเวณศาลาหลวงพ่อพูล
ตั้งประดิษฐานสรีระสังขารที่กำลังเป็นประเด็นดังดังกล่าว
นางสาวนิศารัตน์ ด่านตระกูล ศิษย์หลวงพ่อพูลและหลวงพี่น้ำฝน ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นหลังจากมีการโพสต์ในโลกโซเชียลอย่างร้อนแรงซึ่งแสดงความเป็นห่วงและไม่สบายใจกับสิ่งที่สังคมกำลังตั้งคำถามโดยย้ำว่านี่คือการปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลา 18 ปีแล้วแต่ทำไมเพิ่งเกิดประเด็นข้อสงสัยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทั้งนี้เชื่อว่ามีเจตนาที่จะโจมตีวัดไผ่ล้อม และผลเป็นหลักโดยมีการโยงถึงสรีระสังขารของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล
นางสาวนิศารัต กล่าวว่า ต้องมองว่าคนที่ออกมาโจมตีเรื่องนี้ต้องเป็นคนอัปรีย์จันไรเท่านั้นถึงจะคิดได้และการที่มีภาพของตนเองไปปรากฏบนคอมเม้นต์ก็ทำให้เกิดความไม่สบายใจและขอยืนยันว่าในวันดังกล่าวได้มีการสวมถุงมือและนำสำลีเช็ดทำความสะอาดสังขารของหลวงพ่อพูล ซึ่ง ลูกศิษย์ทุกคนก็รอพี่จะเข้ามาได้ใกล้ชิดสังขารของหลวงพ่อเพียงปีละหนึ่งครั้งซึ่งไม่ได้มีการเรี่ยไรเงินลืมคิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดและไม่มีการแบ่งเป็นเรื่องของกลุ่มวีไอพีที่จะเข้ามากระทำเช่นนั้นได้โดยหลวงพี่น้ำฝนได้เปิดโอกาสให้ญาติโยมที่มาร่วมงานได้ประกอบพิธีดังกล่าวเพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต และการโจมตีเช่นนี้มันรุนแรงเกินไปหากจะตำหนิหลวงพี่น้ำฝนก็ทำได้ เพราะหลวงพี่น้ำฝนมีเมตตาไม่เคยเอาความผิดกับใครแต่นี่ก้าวล่วงถึงหลวงพ่อพูลทำให้รู้สึกว่าดึงครูบาอาจารย์มาเกี่ยวข้องในประเด็นคนเป็นสิทธิ์ได้มีการพูดคุยกันแล้วหากสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้จะขอฟ้องร้องกับผู้ที่กระทำความผิดทางผู้โพสต์และผู้ที่มาคอมเม้นต์แน่นอน
คุณไม่รู้แล้วคุณพูดทำไมคุณมาโจมตีทำไมไม่ชอบก็ไม่ต้องมายุ่งกันเพราะกรณีของคุณทำอะไรที่เราไม่ชอบเราก็ไม่เคยไปยุ่งด้วยต้องถามว่าทำแบบนี้ต้องการอะไรตัวเราเองนับถือหลวงพ่อพูล มานับ 10 ปีการได้มาทาวัดสลีนใกล้ชิดสังขารถือเป็นการได้ใกล้ชิดและดูแลครูบาอาจารย์อย่างใกล้ชิดไม่เคยมีใครคิดจะเอาสังขารของท่านมาหากินและการจัดงานก็ไม่มีการเรียกเงินแถมยังมีอาหารให้ทานฟรีตั้งแต่เช้าคนที่มาบอกว่าทำอะไรดีดีให้กับสังคม เหมือนกับพี่หลวงพี่น้ำฝนทำได้บ้าง" นางสาวนิศารัต
นางสาวนิศารัต กล่าวอีกว่า วันนี้เราเสียหายเพราะเอาทั้งภาพเอาข้อมูลมาเขียนแบบผิดๆขอเตือนไว้ว่าหลวงพี่น้ำฝนใจดีไม่เคยฟ้องใครแต่เราในฐานะศิษย์ต้องปกป้องสิทธิของตัวเองหากคุณยังไม่หยุดเราจะดำเนินการฟ้องร้องแน่นอนเพราะถือว่ากระทำเกินขอบเขตไป
ขณะที่นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ไวยาวัจกรณ์วัดหไผ่ล้อม นายกสมาคมไวยาวัจกรณ์แห่งประเทศไทย ทนายความกล่าวว่า การนำสรีระสังขารของหลวงพ่อพูล มาชำระทำความสะอาดถือเป็นประเพณีที่ทำกันมานับ 10 ปีก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรแต่ทำไมถึงมีคนมาจับจ้องและโจมตีในช่วงนี้ ซึ่งพิธีการ หลวงพี่น้ำฝนก็จะมีการให้โอวาทกับศิษย์ภายในงานก็ถือว่าไม่มีอะไรผิดปกติเป็นเรื่องไม่ผิดแต่อย่างใด
นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลก็เป็นเจ้าเดิมและคู่หูที่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อหนึ่งถึงสองปีก่อนก็มีประเด็นดังกล่าวอยู่แต่หลวงพี่น้ำฝนก็ได้ทัดทานและห้ามปรามไม่ให้มีการฟ้องร้องจากฝ่ายกฎหมายที่กำลังเตรียมจะฟ้องอยู่ แต่ช่วงหนึ่งถึงสองสัปดาห์มานี้คนเดิมกลุ่มเดิมเจ้าเดิมก็ออกมาตำหนิออกมาโจมตีดูหมิ่นดูแคลนให้ร้ายจำเป็นที่ฝ่ายกฎหมายจะต้องออกมาดำเนินการฟ้องร้องเพื่อความยุติธรรมซึ่งก็เป็นเจ้าเดิมพร้อมคู่หูรวมถึงผู้ดำเนินรายการนักชงก็อาจจะได้สิทธิ์เป็นจำเลยด้วย
ส่วนในกรณีมีคำถามว่าบุคคลดังกล่าว จะออกมากลบกระแสกรณีของพระพยอมที่ออกมาพูดเรื่องการเมืองหรือไม่อันนี้ก็คิดว่าอาจจะเป็นไปได้แต่การที่พระพยอมออกมาให้ความเห็นทางการเมืองก็เป็นสิทธิทางบุคคลซึ่งใครจะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่แต่วิจารณญาณของแต่ละคน
ส่วนคนที่ออกมาปกป้องก็ต้องแสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อพยอมท่านมีเจตนาอย่างไรมีกระบวนการอย่างไรนั่นก็เป็นสิทธิแต่หลวงพี่น้ำฝนได้ให้ความเห็นในฐานะพระผู้ใหญ่และกระบวนการดำเนินการหากมีการร้องเรียนไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเท่านั้นเรื่องอื่นไม่ได้พูดถึง
"สำหรับผู้ที่นำภาพและลงข้อความในคอมเม้นต์แน่นอนย่อมมีความผิดทางกฎหมายผู้ที่ถูกนำภาพมา โพสต์ เขียนข้อความในเชิงใส่ร้ายก็จะมีความผิดตามกฏหมายแน่นอนซึ่งตอนนี้ทางคู่กรณีและบุคคลต่างๆกำลังอยู่ในช่วงของการตามเก็บพยานหลักฐานหากเข้าข้อกฎหมายก็จะดำเนินการฟ้องร้องแน่นอน" นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวปิดท้าย
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถามไปยังพระครูปลัดสิทธิวัฒน์หลวงพี่น้ำฝนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมเพื่อขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวซึ่งได้รับคำตอบว่ายังอยู่ในช่วงของการดำเนินการจัดสถานที่เพื่อเตรียมพิธีเททองในงานของจาพนม ซึ่งกำลังเตรียมสร้างพระพรมวิหาร สำหรับการนำไปสานต่อในการก่อสร้างวัดที่จังหวัดบ้านเกิดโดยไม่ขอตอบโต้กับบุคคลดังกล่าวและขอให้เป็นเรื่องของกรรมที่ใครจะกระทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับสิ่งนั้นไว้กับตัว