Think In Truth

'เพื่อไทย'ประหนึ่ง'เสือกะบาก'ลากไม่ไป โดย : หมาเห่าการเมือง



สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยเวลานี้ ประหนึ่ง เสีอลำบาก ที่จะเดินต่อไปข้างหน้าก็ลำบาก ที่จะต้องเจ็บ แต่จบ จะถอยหลังหรือก็เสียฟอร์ม แต่ก็ยังคงอยู่ที่อาจจะเสียงบ้าง ในขณะอีกฝ่ายไม่ต้องดิ้นรนอะไร รอให้ไอ้เสือที่กระโจนลงบ่อจรเข้ หมดแรงแล้วปล่อยมือ คราวนี้แหละ ไอ้เสือลำบาก ก็จะกลายเป็นไอ้เสือกะบาก ที่จะถูกตราหน้าว่าหลอกลวงประชาชน ทำการเมืองเพียงเพื่อคนคนเดียว

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก. ลายจุด ได้โพสต์ถึงพรรคเพื่อไทยไว้อย่างน่าสนใจพอสรุปได้ดังนี้  คนเสื้อแดงเกิดจากความไม่พอใจที่เกิดการปฏิวัติในปี พ.. 2549 ที่ชูธงไม่เอาเผด็จการ แล้ววิวัฒนาการร่วมกันในการต่อสู้ ช่วงปี 2552 , 2553 , และ 2557 คนเสื้อแดงโฟกัสไปที่ปัญหาโครงสร้าง และบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย โดยความนิยมทักษิณลดลงเป็นเรื่องรอง ที่เรียกว่าปรากฏการณ์ก้าวข้ามทักษิณ  หลังเหตุการณ์นิรโทษสุดซอย ทำให้คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งผิดหวัง จวบกับการเกิดพรรคอนาคตใหม่ การหันกลับไปสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ที่พรรคอนาคตใหม่มีฐานเสียงจาก New Voter รวมทั้งชนชั้นกลางก็ไม่สนับสนุนทักษิณสิน ปรากฏการณ์แดงเลือดส้ม หรือแดงกินส้ม หลังจากที่เพื่อไทยฉีก MOU ยิ่งทำให้เสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเพื่อไทยพร้อมที่จะตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว และเกิดกระแสต่อต้านการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย ประกาศตัวให้การสนับสนุนพรรคส้ม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเปลี่ยนจากความเป็นคนเสื้อแดง เพราะคนเสื้อแดงได้โฟกัสการต่อสู่เพื่อประชาธิปไตย หลายคนออกมาผลักไสพรรคเพื่อไทยแม้กระทั่ง อ.ธิดา แต่ฝ่ายแดง นปช.อย่าง เค สามถุย ยังออกมาชูภาพแดงจงรักภักดี และอวดตนเป็นแดงแท้ ซึ่งเป็นกระแสของความขัดแย้งในกลุ่มคนเสื้อแดงและแดงกินส้มอย่างรุนแรง ถึงแม้แดงที่ยังไม่กินส้ม แต่่ประกาศตนว่าจะสนับสนุนก้าวไกล ยังมีโอกาสที่จะกลับเป็นคนเสื้อแดงที่ให้การสนับสนุนเพื่อไทย ถ้าเพื่อไทยหันกลับมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งความขัดแย้งของกลุ่มแดง เค สามถุย กับกลุ่มแดงหลังหัก ทำให้สามารถแบ่งแยกได้ชัดว่าแต่กลุ่มกลุ่มเป็นแดงแบบไหน เป็นแดงยึดตัวบุคคล หรือ แดงที่ยืนบนหลักการประชาธิปไตย นี่จึงเป็นสงครามแย่งชิงคนเสื้อแดงอย่างชัดเจน

นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ได้โพสต์เฟชบุคส่วนตัว พอสรุปได้ว่า หลอกแดกแหกตาต้มตุ๋น รอชะแง้เหลียวแลสร้างสวรรค์   ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจและหนี้สินครัวเรือนที่พุ่งชนเพดาน ประชาชนก็เฝ้ารอว่าจะได้รัฐบาลเมื่อไหร่ การแย่งชิงตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพก็เข้มข้นหนักขึ้น ภายใต้ความภักดีที่แนบตั๋วช้างเพื่อเป็นคะแนนในการเปรียบเทียบเพื่อการตัดสินใจ รวมทั้งอิทธิพลระหว่างค่ายอย่างค่ายบูรพาพยัคกับทหารคอแดง กระบวนการแสวงอำนาจด้วยการชิงโอกาสเข้าหาอำนาจกลางด้วยการผลักไสประชาชนให้ไปล้มเจ้า อ่อนแรงลง ด้วยเหตุผลการผลักไสประชาชนให้ไปล้มเจ้า เป็นการทำลายสถาบัน แนวโน้มของคนไทยในอนาคตจะเกิดกระแสแห่งความสามัคคี หันหน้าเข้ามาหากัน เป็นประชาชนยุคใหม่เป็นพสกนิกรของพระเจ้าแผ่ดินองค์เดียวกัน การมองพรรคก้าวไกลอันตรายมากกว่าพรรคเพื่อไทย เป็นความคืดที่ไร้เดียงสา กระบวนการที่จะล้มทำลายพรรคก้าวไกล และควบคุมพรรคเพื่อไทย จึงเป็นวิธีการที่ทำให้นักวิชาการ นักสื่อสารมวลชน ประชาชน รวมทั้งส่วนราชการ จะปฏิเสธการยึดอำนาจ และกระบวนการยึดอำนาจจะเดินต่อไม่ได้

นายโสภณ  ภิชยุทธ์ ได้โพสต์ในเฟชบุคส่วนตัวหลังจากที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้แสดงความในใจออกมาหลังจากที่พรรคเพื่อไทยมอดพรรคก้าวไกล เพื่อไปจับพรรคฝ่ายตรงข้ามร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่า เป็นอย่างที่ผมคาด คนในเพื่อไทยที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย แตกต่างจากพวกบ้านใหญ่และนายทุน อย่าง คุณ จาตุรน ธิดา หมอเหวง คนรุ่นใหม่บางส่วน หรือแม้แต่คุณ นัทวุฒิ จะไปแยู่กับก้าวไกล ไม่ก้ตั้งพรรคเอง ส่วนมวลชนคนเสื้อแดงไปอยู่กับก้าวไกลตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว 30% และจะไปอยู่กับก้าวไกลอีกไม่น้อยกว่า 40% ของที่เหลืออยู่ และเพื่อไทยก็จะได้ท่าน เค 3ถุยขึ้นมานำมวลชนที่มีอุดมการณ์คล้ายๆกัน

การลงพื้นที่ ของแกนนำพรรคเพื่อไทย อย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ลงพื้นที่ในพื้นที่ที่ประสบปัญหา ไม่ว่าพื้นที่น้ำท่วมในจังหวักพระนครศรีอยุทธยา ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาต้อนรับ และสะท้อนปัญหาให้ฝ่ายการเมืองได้รับฟัง โดยไม่มีท่าทีของการอวย แต่เขายังคงทำหน้าที่ของคนเสื้อแดง อย่างภาคภูมิ ที่เขาได้พบกับตัวแทนของเขา เพื่อบอกเล่าถึงการประสบปัญหาและสิ่งที่เป็นความต้องการของพวกเขา ประกฏการณ์ของคนเสื้อแดงยังคงเข้มข้นอยู่ และไม่น่าจะกลับมาสู่สภาพแห่งความสามัคคี รักใคร่ ปรองดอง จับกลุ่มคนเสื้อแดงให้เหนียวแน่นกลับมาโดยไม่ยากเย็น หากพรรคเพื่อไทยเข้าใจปัญหาและตัดสินใจเสียใหม่

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้โพสต์ความรู้สึกส่วนตัวโดยไม่มีท่าทีที่จะรังเกลียดพรรคเพื่อไทยว่า “ผมรู้สึกเป็นห่วง เหมือนเพื่อนกำลังถูกพวกมันหลอกไปปล้น แล้วยิงทิ้งบนภูเขา” ซึ่งก็สอดคล้องกันกับ ช่อ พรรณิการ วาณิช ที่บอกว่า ถ้าจะให้พรรคก้าวไกล ยกมือให้พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วตัวเองไปเป็นฝ่ายค้าน นั้นมันผิดหลักการ และสมาชิกพรรคทุกคนที่ได้ยินเสียงพูดมา ยังไม่มีใครที่บอกว่าจะยกมือให้ แต่ถ้าหากเพื่อไทยที่จะกลับมาร่วมจับมือกันใหม่ และก้าวต่อสู้ไปด้วยกัน ทางพรรคก้าวไกลก็ไม่รังเกลียด ซึ่งท่าทีของหมอชลน่านในการอภิปรายในวันที่ 4 สิงหาคม ก่อนที่ประธานได้สั่งปิดการประชุม ได้พูดว่า “การที่จะเสนอนายพิธาเป็นนายกซ้ำ เป็นการทำได้ตามระเบียบข้อบังคับของสภา” ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ทำให้มีการถกเถียงกันอย่างมากไม่สามารถตกลงกันได้  และวันนี้ นายไพศาล  พืชมงคล ก็ได้โพสต์ว่า “มีสัญญานหลายกระแสว่าถ้า พท กลับมาร่วมพันธมิตร 8พรรคดังเดิมจะเป็นผลดีต่อการขับเคลื่อนฉันทามติของประชาชนในการเลือกตั้ง และจะทำให้ประเทศไทยหมดแรงกดดันทางสากลด้วย”

ก็อย่างนี้แหละนะครับ การเมือง มันก็จะเป็นอย่างนี้ มีกลับไปกลับมา สับขาหลอกบ้าง มีหลอกให้กระโดดลงบ่อจรเข้าเพื่อให้กลายเป็นเสือลำบาก จนเป็น เสือกะบากไปก็มี นักการเมืองยุคใหม่หลังจากผ่านยุคบ้านใหญ่ที่ใช้ทุนทางการเงินมาทำการเมือง ก็จะหันมาสร้างทุนทางการเมืองด้วยมวลชน ที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน และสร้างกิจกรรมทางการเมืองให้เพิ่มทุนทางการเมืองให้มากขึ้น ดูต่อไปนะครับว่าเพื่อไทย จะรักษาทุนทางการเมืองของตนเองไว้ได้ไหม???...