Think In Truth
'เจ๊เปิ้ล'..'หลับไม่ลง'ยืนกรานไม่เอา2ลุง ตัดพ้อ!ฉีกเอ็มโอยูก็ไม่บอกลูกพรรค
ฉะเชิงเทรา-เปิ้ล “ฐิติมา ฉายแสง” ยืนกรานไม่เอา 2 ลุง ยึดมั่นประชาธิปไตย หวั่นตอบถำถามสังคมคนที่เลือกมาไม่ได้ ระบุทำเพื่อรักษาพรรคให้คงอยู่ต่อไป เผยฉีกเอ็มโอยูเดินหน้าเตรียมจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามสายพันธุ์ไม่บอกลูกพรรค ระบุไร้การประชุมร่วมหารือภายในมายาวนาน พร้อมยอมรับกระแสโซเชียลที่มีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่างในการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้
วันที่ 7 ส.ค.66 เวลา 13.50 น. นางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงกรณีที่ออกมาโพสต์ในสื่อโซเชียล เกี่ยวกับการที่ไม่เห็นด้วยกับทางพรรคเพื่อไทย หลังจากมีกระแสข่าวว่าจะจัดตั้งรัฐบาลโดยที่มีพรรค 2 ลุงเข้ามาร่วมด้วยนั้นว่า จากกระแสดังกล่าวได้ทำให้รู้สึกเครียดจนนอนไม่หลับ เนื่องจากในช่วงตอนที่หาเสียงมาก่อนการเลือกตั้งนั้น ได้มีการหาเสียงไว้อย่างเต็มที่ว่าเราไม่เอา 2 ลุง คนที่สืบทอดอำนาจเผด็จการซึ่งอันนี้ชัดเจน
อีกทั้งพรรคเพื่อไทยเองนั้น ยังได้เคยออกไปหาเสียงตามจังหวัดว่าจะไม่เอาพรรคที่สืบทอดอำนาจ โดยที่ทางเรานั้นเป็นนักประชาธิปไตย เป็น ส.ส.ในพรรคก็ต้องบอกกล่าว แต่ว่าที่ผ่านมานั้นยังไม่มีประชุมพรรค จึงได้บอกออกไปแบบนั้นเมื่อมีคนมาถาม ว่าเราไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการจัดตั้งรัฐบาล โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมพรรคเพื่อไทย ซึ่งเชื่อหลายคนน่าจะมีการแสดงออก ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
จากความคิดที่หลากหลายและมีการถามกัน เนื่องจากพรรคไม่ได้มีการประชุมมานานมากแล้ว โดยเฉพาะทิศทางของพรรคว่าจะไปทางไหน จะร่วมหรือไม่ร่วมก็คงมีคนถามกันมาก โดยเฉพาะตนเองที่ต้องการความชัดเจนว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ เนื่องจากมีคนในพื้นที่สอบถามกันมามาก รวมทั้งทางสื่อโซเชียลก็ได้มีการไถ่ถามกันเข้ามา โดยมีทั้งถูกต่อว่ามาจากประชาชนก็มาก ในฐานะที่เป็น ส.ส.เขต นั้นรู้สึกลำบากใจ
โดยหลังจากที่ได้โพสต์ลงโซเชียลออกไปแล้วนั้น ก็ย่อมมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบอย่างแน่นอน ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ส่วนใหญ่นั้นเห็นด้วย เนื่องจากคนที่รักประชาธิปไตยนั้นจะสนใจในการเมืองมาก จึงได้เข้ามาสอบถามแสดงความคิดเห็น เท่าที่ดูนั้นส่วนใหญ่ล้วนแต่เห็นด้วยกับเรา ที่ยังคงมีจุดยืนประชาธิปไตย และเมื่อมีโอกาสได้พบปะกับประชาชนในพื้นที่ ก็ต่างพากันสอบถามกันว่า แล้วจะเป็นอย่างไร จะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ แล้วจะร่วมกับใคร จะเอา 2 ป. หรือไม่ และบอกว่า 2 ปอไม่เอานะ เป็นสิ่งที่ประชาชนพูดมา
ซึ่งในเวลาที่เราหาเสียงไว้นั้นเรารู้อยู่แล้วว่า ปชช.เขาต่อว่าเยอะ เพราะเขาไม่ชอบคุณประยุทธ์ คุณประวิตร จนเป็นปกติไปแล้วทั่วทุกที่ แนวทางส่วนใหญ่ที่ตอบกลับมาคือไม่เอา และถ้าหากพรรคยังไปดึงเอา 2 ลุงมาก็คงจะส่งผลกระทบต่อเรา ซึ่งเป็น ส.ส.เขต ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ชิดกับประชาชน เพราะผู้คนมีความคิดที่หลากหลาย และสนใจการเมืองกันมากขึ้น จนเขาอาจไม่มาพูดคุยกับเราอีกเลยก็ได้ หากเราไปเห็นด้วยและให้การสนับสนุน ฉะนั้นจุดยืนความเป็นประชาธิปไตยของเราจึงยังคงอยู่ตลอดกาล
จึงคิดว่าเรามีความจำเป็นที่ต้องบอกกับพรรค บอกกับสังคมในการที่จะบอกว่าเราไม่เอาด้วย แต่หากท้ายสุดแล้วทางพรรคไปร่วมกับ 2 ลุง จะทำให้รู้สึกผิดหวังมาก และเมื่อถึงเวลาโหวตเราคงไม่พูดออกมาจากปากแน่ๆ ว่า เราเห็นชอบให้กับ “ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หรือ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หรืออะไรก็แล้วแต่ คงไม่มีออกมาจากปากของ “ฐิติมา ฉายแสง” แน่นอน
เมื่อถามว่ามีแนวคิดที่เป็นทางออกอย่างไรในการจัดตั้งรัฐบาลบ้างหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า จริงๆ แล้วมันก็ตันอยู่เหมือนกัน ในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดมาตรา 272 ให้อำนาจ สว.ร่วมโหวตนายกฯ ด้วย ซึ่งในอดีตนั้นไม่เคยมีมาก่อน และ สว.ยังมีมากถึง 250 เสียงนั้นถือว่าเยอะมาก การที่เราเองไม่ได้คะแนนเสียงเด็ดขาด เราไม่ได้แลนด์สไลด์ จึงทำให้ไม่สามารถที่จะไปรวบรวมคะแนนออกมาเกิน 375 เสียงได้ จึงต้องไปอาศัย สว. และเมื่อ สว.ไม่เอาด้วยจึงตันกันอยู่อย่างนี้
เมื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล นั้นตกไปจากญัตติที่เสนอชื่อเพื่อโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ครั้งเดียว ก็หวังว่า นายเศรษฐา ทวีสิน จะไม่โดนหักหลังทำให้ล่มลงไปอีก แล้วจะเป็นใครถูกเสนอต่อไปเรื่อยๆ หรือจะกลายมาเป็นคนชื่อ “ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ในที่สุดหรือไม่ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อถามว่าจะหาทางออกอย่างไรนั้น ก็ขอให้ยึดจุดยืนเดิมไว้ดีกว่า
โดยงบประมาณของชาตินั้นยังใช้งบประมาณของปีนี้ไปพรางๆ ก่อนได้ ประเทศชาติยังคงเดินต่อไปได้ แต่หากเราเสียจุดยืนเรามีความโลเลเหมือนไม้หลักปักเลนมันจะทำให้เราอยู่ไม่ได้อีกเลย จึงต้องขอให้ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย โดยให้ประเทศเดินไปแบบนี้ก่อน เมื่อประเทศไทยได้รัฐบาลที่ถูกต้องชัดเจนดีแล้ว จึงเชื่อว่าประเทศจะพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน เพราะพรรคเพื่อไทยเก่งในเรื่องเศรษฐกิจ เมื่อรวมกับอีก 7 พรรคที่เก่งกันไปคนละด้าน คิดว่าเมื่อเป็นประชาธิปไตยแล้วประชาชนจะเห็นด้วยทั้งหมด ก็จะไม่มีคนออกมาประท้วง ประเทศชาติย่อมไปรอดได้แน่นอน
โดยสิ่งที่โพสต์ออกไปทางสื่อโซเชียลนั้น เพราะเป็นห่วงพรรค โดยเกรงว่าในอนาคตพรรคอาจจะไปไม่รอด หรือตามคอมเมนต์ต่างๆที่ว่า “สูญพันธุ์แน่” หรือ “ไปไม่รอดแน่” หรือ “อย่ามีอีกเลย” หรืออะไรก็แล้วแต่ทำนองนี้ ซึ่งเราเป็นห่วงมากจริงๆ และอยากฝากถึงกลุ่มผู้สนับสนุน คนเสื้อแดง หรือด้อมต่างๆ ว่าขอให้ใจเย็นๆ ไม่ใช่ทุกคนในพรรคเพื่อไทยที่จะคิดหนีออกจากความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เรายังคงมีจุดยืน มีหลักยึดตามที่ ส.ส.หลายคนยังพูดกันอยู่เสมอ ที่อยากจะให้ประเทศชาติเจริญ อยากจะเข้าไปแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชน
ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ทางพรรคได้มีการประชุมบ่อยครั้งมาตลอด และยังมีการอธิบายให้ ส.ส.ได้เข้าใจ รวมถึงยังมีการแสดงความคิดเห็นโต้แย้งกันภายใน ต่อการที่จะพัฒนาพรรคไปอย่างไร แต่ก่อนที่จะมีการฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคร่วม ที่เตรียมพร้อมจัดตั้งรัฐบาล กลับไม่ได้มีการประชุมพรรค และมีการเลื่อนมาโดยตลอด ทำให้ ส.ส.ในพรรคไม่รู้เรื่องเลยว่า ได้มีการทำอะไรกันไปบ้าง และมีแนวคิดอย่างไร จะไปถึงขั้นไหน จะไปรวมกับใคร หรือหาเสียง สว.สนับสนุนได้มากเพิ่มขึ้นหรือยัง เพื่อที่จะได้เป็นรัฐบาล
โดยอยากให้ไปพูดคุยกับทาง สว.ให้มากๆ เพื่อให้ สว.นั้นหันมาอยู่ข้างเรา เพื่อให้ประเทศชาติเดินไปได้ ในส่วนความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันกับทางพรรคนั้น ที่ผ่านมาทางพรรคยังไม่เคยว่า ที่ใครจะแสดงความคิดเห็นอย่างไร เพราะเวลาประชุมพรรคก็มีความคิดเห็นที่หลากหลาย โดยต่างคนต่างคิดกันไป แล้วก็รับฟัง นี่คือความเป็นประชาธิปไตยอยู่ภายในพรรค
จากการที่ไม่มีการประชุมพรรคมานาน เมื่อถูกถามจึงได้บอกไปในจุดยืนของเรา ว่าคิดเห็นอย่างไร ซึ่งจะไปตรงหรือไม่ตรงกับทางพรรคอย่างไรนั้นไม่ทราบ แต่เป็นจุดยืนประชาธิปไตยที่เราคิดว่าเราหาเสียงมาไว้แบบนี้ โดยเราคิดและทำตัวแบบนี้มาตลอด ถ้าไปร่วมกับผู้สืบทอดอำนาจก็จะมีแต่จะถอยหลังลงคลอง และจมธรณีไปในที่สุด
จึงอยากบอกว่า ที่ผ่านมานั้นทางพรรคขาดการติดต่อกันมาเกินไป และเป็นช่วงที่การเมืองมีการเปลี่ยนกันในทุกชั่วโมง หรือเร็วมากในทุกวัน หากไม่มีการสื่อสารบอกล่าวกันเลยก็ลำบาก ไม่รู้จะทำอย่างไร จนอาจถูกมองว่าเป็นคนกล้าที่จะพูดอยู่คนเดียวที่พูดออกไปหรือไม่นั้นไม่รู้ แต่เชื่อว่าคงจะมีอีกหลายคนที่อยากจะพูดในการประชุมพรรคพรุ่งนี้ 8 ส.ค.66 นางฐิติมา กล่าว
สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา