Think In Truth

เมื่อ 2 'พอ ทอ' จับมือก่อนโหวตตั้งรัฐบาล โดย : หมาเห่าการเมือง



เมื่อ 2 พอ ทอ จ่อตั้งรัฐบาล
โดย : หมาเห่าการเมือง

พรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์และนโยบายที่แตกต่างกันมาก พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่สนับสนุนโยบายประชานิยมและสนับสนุนการลงทุนจากภาคเอกชน ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่สนับสนุนนโยบายสวัสดิการสังคมและสนับสนุนการกระจายอำนาจ

การร่วมมือกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาลจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ทั้งสองพรรคต้องหาจุดร่วมและหาทางประนีประนอมในหลายประเด็น เพื่อที่จะสามารถทำงานร่วมกันได้

ถึงแม้ว่าทั้งสองพรรคจะมีความแตกต่างกันในเชิงนโยบาย แต่โดยวัฒนธรรมของนักการเมืองที่สังกัดพรรคทั้งสองพรรค มีวิธีคิดที่คล้ายกันคือความประนีประนอมในการดำเนินการทางการเมือง ที่มองประเด็นความเป็นไปได้ในการดำเนินการทางการเมืองได้ อีกทั้งแกนนำของทั้งสองพรรคเป็นคนวัยเดียวกัน มีประสบการในการดำเนินการทางการเมืองที่คล้ายคลึงกัน จึงมักจะวิเคราะห์ปัญหาทางการเมืองและวิธีการจัดการที่คล้ายกัน การดำเนินการร่วมจัดตั้งรัฐบาลจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นนัก

โดยอัตตลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยแล้วเป็นพรรคที่เป็นผู้นำทางความคิดในการดำเนินการใหม่ๆ กล้าคิด กล้าทำ และการบริหารจัดการ ในขณะที่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่อะลุ้มอะล่วยคล้อยตามกระแสหลักได้ง่าย แต่มีชั้นเชิงในการรักษาขอบเขตความรับผิดชอบของตัวเอง จึงเป็นพรรคที่สามารถทำงานร่วมกับพรรคการเมืองได้ทุกพรรค

อย่างไรก็ตาม หากทั้งสองพรรคสามารถทำงานร่วมกันได้สำเร็จ ก็มีโอกาสที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญในประเทศไทย พรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยสามารถร่วมกันสร้างรัฐบาลที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รัฐบาลที่สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้

นอกจากนี้ รัฐบาลที่มาจากความร่วมมือระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ยังสามารถช่วยลดความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทยได้ ทั้งสองพรรคสามารถร่วมกันสร้างสังคมที่เข้มแข็งและมีความสามัคคีมากขึ้น

การจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ทำให้มีเสียงสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาลรองรังแล้ว 212 เสียง หากจะต้องปิดสวิซต์ สว. จำเป็นต้องรวบรวมพรรคการเมืองเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลอีก 161 เสียง ซึ่งทั้งสองพรรคจะต้องร่วมกันในการหารือและประสานพรรคการเมืองที่ยังไม่ได้ร่วมกันแถลงการ ซึ่งพรรคการเมืองที่เหลือก็จำแนกออกเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายที่ไม่เอาลุง กับฝ่ายที่ไม่เอาก้าวไกล

นั่นหมายถึงฝ่ายที่ไม่เอาลุง คือฝ่าย 8 พรรคร่วมเดิม ซึ่งมีคะแนนสนับสนุน 181 รวมทั้งตำแหน่งประธานสภา และรองประธานสภารองรับ กับฝ่ายไม่เอาก้าวไกล มีเสียงสนับสนุน 111 เสียง และยังไม่มีตำแหน่งในสภา และอีก Scenario หนึ่ง คือ ไม่เอาก้าวไกล รวมกับประชาชาติ จะมีเสียงสนับสนุน 120 เสียง ที่มีประธานสภา และรองประธานสภาอีก 1 คน  ซึ่งช่องว่างของเวลาก่อนที่จะมาถึงวันลงมติรับรองนายกรัฐมนตรี ถนนทุกสายก็จะมุ่งสู่พรรคเพื่อไทย และกองบัญชาการรางน้ำ ที่อาจจะทำให้คนที่อาศัยอยู่ใกล้ย่านนั้นได้รับผลกระทบจากมลภาวะทางอากาศได้

การเลือกกลุ่มไม่เอาลุง สิ่งที่รัฐบาลจะต้องเผชิญคือแรงกระแทกจากกองทัพ โดยเฉพาะกลุ่มทหารนอกราชการที่ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรต่างๆ และ ผบ.เหล่าทัพ ที่ยังไม่อยากให้มีการตรวจสอบกองทัพจากหน่วยงานทางการเมือง อีกทั้งยังจะดำเนินโครงการต่างๆ ยุ่งยาก อันเนื่องจากความตรงไปตรงมาของพรรคก้าวไกล ที่มุ่งในการทำการเมืองอย่างโปร่งใส แต่รัฐบาลจะได้รับความน่าเชื่อถือจากสาธารณะ ในฐานะของรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล และจะทำให้พรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล ได้รับการยอมรับจากสาธารณะที่ยังคงรักษาพื้นที่ทางการเมืองหรืออาจจะขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้นได้ จากความเจนจัดทางการเมืองมากกว่าพรรคก้าวไกล

หากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเลือกที่จะร่วมกับพรรคลุง ที่ไม่เอาก้าวไกล สเถียรภาพของรัฐบาลจะสูงขึ้นมาก เนื่องจากได้รับการยอมรับจากส่วนราชการโดยเฉพาะทองทัพ และกลุ่มชนชั้นสูง การดำเนินการบริหารโครงการของรัฐจะสามารถดำเนินการไปได้ด้วยความสะดวก แต่สิ่งที่จะเป็นผลกระทบอย่างหนัก คือความน่าเชื่อถือจากชนชั้นกลาง ลงมาจนถึงรากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ประมาณ 80% ของประเทศ ผลกระทบจะเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองที่สังกัด ซึ่งอาจจะเผชิญปัญหาวิกฤตศรัทธาที่มีต่อพรรคการเมืองที่สังกัด ที่อาจจะสูญเสียพื้นที่ทางการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ที่สูญเสียพื้นที่กรุงเทพมหานครให้กับพรรคก้าวไกลได้ หรือบางพรรคอาจจะสูญพันธุ์ทางการเมืองไปเลยก็ได้

อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยก็มีโอกาสที่จะล้มเหลวได้เช่นกัน หากทั้งสองพรรคไม่สามารถหาจุดร่วมและหาทางประนีประนอมในหลายประเด็น รัฐบาลที่มาจากความร่วมมือระหว่างทั้งสองพรรคก็อาจไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงมากขึ้น

โดยสรุปแล้ว ความร่วมมือระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาลการเมืองประเทศไทย เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก แต่ก็มีศักยภาพที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญในประเทศไทย ร่วมกันติดตามการเมืองไทยอย่างใกล้ชิดนะครับ