Think In Truth
'เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง'ใคร.? มีวาสนานั่งนายกฯ โดย : หมาเห่าการเมือง
เรื่องการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองเพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล จากการต่อต้านการนั่งนายกรัฐมนตรีของนายพิธา จากกลุ่ม สว. สายลุง จนก้าวไกลได้มอบหมายให้เพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ด้วยกระแสการต่อต้านพรรคก้าวไกล เป็นปัจจัยที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยก็จะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลบาล จนนำไปสู่การฉีก MOU หลังจากเพื่อไทยโดดเดี่ยวตัวเองก็ทำให้เกิดการรุมทึ้ง จนกำลังต่อรองของเพื่อไทยไม่มี เกมก็มาพลิกอีกครั้งเมื่อเพื่อไทยจับมือกับภูมิใจไทยร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นโอกาสที่เพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลจึงสูงขึ้นมาทันที พร้อมทั้งอำนาจในการต่อรองก็สูงขึ้นตามมาด้วย เมื่อเพื่อไทยกับภูมิใจไทยเป็นพรรคที่อยู่ตรงกลางระหว่างพรรคอนุรักษ์นิยมหรือฝ่ายรัฐบาลเดิม กับ ฝ่ายเสรีประชาธิปไตย คือฝ่ายค้านเดิม ดังนั้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคงจะหนีไม่พ้นมาจากพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน เราจึงมาประเมินกันว่า ใครจะได้นั่นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย
ในพรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี 3 คน คือ นายเศรษฐา ทวีสิน นางสาวแพทองทา ชินวัตร์ และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดททั้งสามท่าน คงตัดคุณชายชัยเกษม นิติสิริ ได้เพราะที่ผ่ามาท่านไม่เคยมีชื่อที่อยู่ในกระแสของการเคลื่อนไหวทางการเมืองเลย เพราะท่านเองก็มีสุขภาพที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ก็คงเหลือเพียงแค่สองคนที่จะมีโอกาสในการนั่งนายกรัฐมนตรี ถ้าดูจากภายนอกเราก็จะเห็นว่ารายชื่อที่เสนอออกมาและมีกิจกรรมทางการเมืองให้เห็นก็จะบอกได้ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน ก็มาเป็นอันดับหนึ่งในการที่จะได้รับการเสนอชื่อนั่งนายรัฐมนตรี
แพรทองทา ชินวัตร์ และนายเศรษฐา ทวีสิน ต่างก็เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์มากมาย แต่หากพิจารณาจากประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารงานภาครัฐแล้ว นายเศรษฐา ทวีสิน น่าจะมีความเหมาะสมมากกว่าที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่นายเศรษฐาเองก็มีกระแสต่อต้านออกมาเป็นระรอก ไม่ว่าประเด็นการซุกซ่อนรายได้ทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้จากภาษีการค้าที่ดิน ถึง 500 ล้านบาท จึงมีกระแสการนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองทา ออกมา ก่อนอื่นเรามาเปรียบเทียบทั้งสองคนดูว่า ถ้าเปรียบเทียบทางกายภาพและคุณสมบัติอื่นๆ แล้วใครเหมาะสมที่สุด
แพรทองทา ชินวัตร์ เป็นบุตรสาวคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอเคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริษัท เอสซี แกรนด์ โฮเทล จำกัด (มหาชน)
นายเศรษฐา ทวีสิน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโทจากคณะบริหารธุรกิจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาเคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท ซีพี เฟรชมาร์ท จำกัด (มหาชน)
จากประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารงานภาครัฐของนายเศรษฐา ทวีสิน นั้น ถือว่ามีมากกว่าแพรทองทา ชินวัตร์ เนื่องจากเขาเคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ เขายังเคยดำรงตำแหน่งระดับสูงในภาคธุรกิจ เช่น กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท ซีพี เฟรชมาร์ท จำกัด (มหาชน)
ประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารงานภาครัฐของนายเศรษฐา ทวีสิน นั้น น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารประเทศมากกว่าแพรทองทา ชินวัตร์ เนื่องจากเขามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลและภาคธุรกิจเป็นอย่างดี นอกจากนี้ เขายังมีเครือข่ายการทำงานที่กว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม แพรทองทา ชินวัตร์ ก็มีจุดแข็งบางอย่าง เช่น เธอเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัย และเธอมีฐานเสียงจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารงานภาครัฐของเธอนั้น ถือว่ายังน้อยกว่านายเศรษฐา ทวีสิน
โดยสรุปแล้ว หากพิจารณาจากประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารงานภาครัฐแล้ว นายเศรษฐา ทวีสิน มีความเหมาะสมมากกว่าที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม แพรทองทา ชินวัตร์ ก็มีจุดแข็งบางอย่าง เช่น เธอเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัย และเธอมีฐานเสียงจากกลุ่มคนรุ่นใหม่
หากจะประเมินเพียงแค่คุณสมบัติสมบัติเท่านี้ แทบไม่ต้องใช้การโหวตจากรัฐสภาเลย หรือใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผล ก็สามารถได้คำตอบเลย แต่นี่เป็นกระบวนการทางสังคม ที่ต้องประเมินจากสภาพแวดล้อมอื่นๆ อีหลายปัจจัย เรามาดูข้อมูลสภาพแวดล้อม ที่จะเป็นองค์ประกอบในการวิเคราะห์ว่า ใครจะได้นั่นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 กัน
หลังจากที่เพื่อไทยฉีก MOU ในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล นายชูวิทย์ก็ออกมาแฉถึงการชุกรายได้จากการขายที่ดินของนายเศรษฐา ทำให้รัฐบาลเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี ถึง 500 ล้านบาท ทำให้เกิดกระแสความไม่มั่นใจกับนายเศรษฐาขึ้นมาทันที อีกทั้งมีกลุ่มนักวิชาการและนักวิจารณ์การเมืองก็ออกมาวิจารณ์ว่า นายเศรษฐาอาจจะไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี แต่นั่นก็เป็นเรื่องข้อมูลที่ต้องพิสูจน์เมื่อนายเศรษฐาทวีสินยื่นฟ้องนายชูวิทย์เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากการที่นายชูวิทย์ออกมาแฉสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ตน
ท่ามกลางการโจมตีนายเศรษฐาประเด็นดังกล่าว นายเสรี สุวรรณภานนท์ และนายกิตติศักดิ์ รัตนะวราหะ สว. ตัวตึงก็ออกมาชีแจงกับนักข่าวว่า นายเศรษฐาจะต้องมาแสดงวิสัยทัศน์ต่อสภา หากพบว่ามีความคิดในการแก้กฏหมาย ม.112 รัฐธรรมนูญหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 , มีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญ , และมีนโยบายของพรรคที่ขัดแย้งต่อแนวทางที่ สว. กำหนด ก็จะไม่พิจารณาโหวตสนับสนุน ถ้าพรรคเพื่อไทย ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ สว. จะให้การสนับสนุนจำนวนมาก
ในขณะเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิตวัฒนะ ได้ยื่น กกต. ให้สอบการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในประเด็น “ไล่หนู ตีงูเห่าเห่า” แต่ถึงเวลาจัดตั้งรัฐบาล กลายเป็น “ไล่จับหนู อุ้มชูงูเห่า” ในขณะที่กระแสการเรียกฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ออกมาแสดงทัศนะว่า “นางสาวแพทองทา มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกมากว่านายเศรษฐา เพราะนายเศรษฐามีแผล” ซึ่งสถานะนางสาวแพทองทาเป็นบุตรสาวของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีความประสงค์อยากกลับบ้าน
กระแสการต่อต้านพรรคเพื่อไทยจากสมาชิกพรรคและกลุ่มมวลนคนเสื้อแดงเริ่มขยายวงกว้างออกไปทั่วประเทศ ซึ่งเริ่มจากการออกมาสะท้อนความรู้สึกของนายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่แสดงความรู้สึกอึดอัดและหดหู่ใจที่พรรคเพื่อไทยตัดสินใจโดยไม่แคร์ความรู้สึกประชาชน นางสาวฐิติมา ฉายแสง น้องสาวนายจาตุรนต์ ฉายแสงก็ออกมาแสดงความเห็นไปในทางเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงถึงทัศนะที่ไม่เอาลุง เนื่องจากกระแสมวลนที่อยู่รอบข้างแสดงออกมาในลักษณะต่อต้านการตัดสินใจพรรคเพื่อไทย นายไชยา พรหมา สส.พรรคเพื่อไทยจังหวัดหนองบัวลำภู ก็ออกมาให้ความเห็นอย่างเดียวกันว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะสูญพันธุ์ในภาคอีสาน ชึ่งมันสอดคล้องกับภาพการเผาเสื้อแดงและบัตร นปช. รวมทั้งเสื้อพรรคเพื่อไทย ซึ่งขายวงกว้างในหลายพื้นที่ ที่แสดงกิจกรรมลักษณะอย่างนี้ เพื่อบอกลาพรรคเพื่อไทยและต่อต้านพรรคเพื่อไทย
การเลื่อนการกลับบ้านของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ควรต้องนำมาร่วมพิจารณาว่าใครจะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีกระแสวิจารณ์จากกลุ่มคนในต่างประเทศว่า ดร.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับบ้านก็ต่อเมื่อ พรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ซึ่งถ้าจะพิจารณาประเด็นนี้ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รมต.กระทรวงยุติธรรม เป็นของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว เพราะนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บ้านใหญ่ที่ย้ายสังกัดจาก พลังประชารัฐมาอยู่เพื่อไทย ได้ตีตราจองกระทรวงนี้ไว้แล้ว ประเด็นในการกลับบ้านจะช้าหรือเร็ว รมต.กระทรวงยุติธรรม ไม่น่าจะเป็นประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นที่น่าจะมีผลมากกว่า คือตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย
ปัจจัยต่างๆ ที่นำเสนอให้ทราบในวันนี้ยังมีรายละเอียดที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเปรียบของคนสองคนเท่านั้น ไม่ใ่เบื้องลึกซึ่งอยู่อีกมาก ที่เกี่ยวกับการเปรียบของแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของสองคนนี้ ที่ไม่ได้นำเสนอมาให้ได้ทราบ ข้อมูลที่นำเสนอมานี้เอาเป็นเพียงข้อมูลเพื่อที่จะให้ท่านผู้อ่านได้ใช้เป็นตัวแปรเพื่อทายว่า “ใครจะได้เก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ระหว่างนางสาวแพทองทา กับ นายเศรษฐา” เพื่อเล่นเกมกับตัวเอง ในการติดตามการเมืองไทยแบบสนุก ไม่ต้องเครียด ที่เราเอาความคาดหวังของตนเอง ไปฝากไว้กับผู้อื่น โดยที่ตัวเราเองก็ควบคุมอะไรไม่ได้ ลองมองการเมืองแบบทายหวยโดยไม่ต้องแทงดูบ้างครับ ชีวิตจะได้ไม่เครียดกับความคาดหวัง