Think In Truth
'ไร้สัจจ์-ขัดจารีต-บิดเบือน-ทอดทิ้งปชช.' โดย : หมาเห่าการเมือง
พรรคเพื่อไทยได้ฉายาใหม่ “เพื่อไทยการละคร” ที่ตีบทแตกกระจุย ตั้งแต่หลังเลือกตั้งเป็นต้นมา ซึ่งอาจจะมีการแสดงจริตที่เป็นธาตุแท้ออกมาบ้าง คราวที่รู้ผลการเลือกตั้งที่พลิกแคมเปญแลนด์สไลด์ กลายเป็นพรรคอันดับสอง โดยมีพรรคก้าวไกลที่มาเป็นอันดับหนึ่ง จริตที่แสดงออกค่อนข้างชัดเจน คือ ความตกใจ และอารมณ์หงุดหงิดที่ผลออกมาไม่ได้อย่างที่คาดหวัง จนออกถึงอาการพาล กล่าวหาพรรคก้าวไกลเป็นพรรคเฌรบวชใหม่ พรรษาน้อย รวมไปจนถึงเป็นพรรคที่มี สส. ที่ไร้วุฒิภาวะ ลามไปจนถึงพรรคมีเพียงเสียงเดียว ยังกล้าลุกขึ้นมาต่อว่าต่อขานและขับไล่ให้เสียสละเป็นฝ่ายค้าน
หลังจากที่ตั้งหลักได้ก็เริ่มแสดงตามบทที่ถูกส่งสคริปมาให้ แสดงบทบาทเป็นพี่ใหญ่ที่รักน้องปานจะกลืนกิน พร้อมที่จะยืนอยู้เคียงข้างไปไหนก็จะไปด้วยกันไม่ยอมทิ้งกัน จนถึงมีการลงนามใน MOU และประกาศให้โลกรับรู้ว่าสองพรรคคือพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ที่พร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อสร้างความมั่นใจในสัญญาใจที่ให้ไว้ ก็แสดงออกถึงความมั่นใจว่าการโหวตในวันที่ 4 กรกฎาคมนั้นจะต้องผ่านแน่นอน เพราะเลขาพรรคก้าวไกลยืนยันว่า สว.จะโหวตให้ผ่าน ถึงแม้จะมี สว. บางกลุ่มที่คัดค้านก็ตาม โดยพรรคเพื่อไทยก็ประกาศว่า ดร.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมาประเทศไทยในวันที่ 10 กรกฎาคม นี้แน่นอน
สิ่งที่ปรากฏให้สาธารณะได้เห็นชัด คือ พรรคเพื่อไทยไม่ได้แสดงออกถึงความพยายามที่จะช่วยหาคะแนนเสียงสนับสนุนการโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ เลย มีแต่ตั้งท่าจะต่อรองเอาตำแหน่งสำคัญๆ ในสภาและคณะรัฐมนตรี ทั้งที่พรรคก้าวไกลก็ยินยอมยกกระทรวงเกรด A ให้บริหาร เพราะเชื่อในฝีมือในการบริหารเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย พอวันโหวตรับรองนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้แสดงออกถึงการปกป้องนายพิธาจากการกล่าวหาทางฝ่าย สว. และทั้งที่รู้ว่า สว. บางส่วนที่จะลงคะแนนโหวตให้กับนายพิธาโดนข่มขู่ จนต้องหนีกลับบ้าน ไม่เข้าประชุมในช่วงบ่าย และ สว.ที่อยู่ลงมติโหวตให้นายพิธาก็โดยยื่นตรวจสอบทรัพย์สิน พฤติกรรมของการละเมิดสิทธิ์ของสมาชิกวุฒิสภาอย่างนี้ พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้แสดงออกถึงการปกป้อง หรือแม้แต่การเสนอชื่อเพื่อเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ซ้ำ พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อรักษาซึ่งสิทธิ์ที่เป็นความชอบธรรมที่ประชาชนมอบให้มาเป็นตัวแทนในการรักษาซึ่งสิทธิ์อันชอบธรรมของประชาชน
หลังจากที่พรรคก้าวไกลยอมที่จะมอบสิทธิ์ในการเสนอชื่อนายยกรัฐมนตรีและการเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลให้กับพรรคเพื่อไทย อาการของพรรคเพื่อไทยก็เริ่มมีอาการที่จะหักหลังเจตนารมณ์ของประชาชน ด้วยการทำเป็นไปคุยกับพรรคโน้นพรรคนี้ และกก็ออกมาบอกสังคมว่า ไม่มีพรรคไหนเอาพรรคก้าวไกล สุดท้ายก็ไร้ซึ่งสัจจะประกาศฉีก MOU จับมือกับพรรคภูมิใจไทยจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่มีการประชุมพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลชุดแรกเลย ละครฉากแรกผ่านไป พรรคเพื่อไทยก็เริ่มที่จะเอาพรรคเล็กพรรคน้อยมาแถลงให้ทราบว่าจะร่วมรัฐบาล โดยประกาศว่าจะไม่มีลุง แต่ข่าวจากพรรคลุงก็มีหลุดออกมาว่า ถ้าจะไปก็ต้องไปกันทั้งหมด ทั้งสองพรรค คือพลังประชารัฐ กับรวมไทยสร้างชาติ
พอมาถึงฉากนี้ซึ่งเป็นฉากสำคัญ ก็ทำเป็นยุ่งยากกับการหาเสียงสนับสนุน เพราะโหวตรับรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย มีเสียงไม่พอ แต่ถ้าพรรคก้าวไกลโหวตช่วย ก็สามารถที่จะผ่านเป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้ ลีลาการเมืองแบบชายกะล่อนก็ออกมาฉายต่อหน้าสาธารณะอีกครั้งพร้อมทั้งอ้อนวอนให้พรรคก้าวไกลให้ช่วยโหวตให้ แต่ต้องเป็นฝ่ายค้าน แรกๆ เสียงของ สส. พรรคฝ่ายค้านก็ขึ้งขังไม่ยอม เพื่อไทยก็อ้อนถึงขนาดเพื่อไทยยอมทำตัวขัดจารีต ที่เจ้าอาวาสหรือพระแก่พรรษาจะมาขอขมาพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นเณรที่บวชใหม่ อ่อนพรรษากว่า ทั้งๆ ที่ทราบท่าทีของพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว ว่ายังไงเสียพรรคก้าวไกลก็คงไม่ยอมโหวตให้ เพราะพรรคก้าวไกล ไม่ได้ตัดสินด้วยตัวของ สส. แต่เป็นการตัดสินใจที่ยึดโยงประชาชน แต่พรรคก้าวไกลก็เดินทางไปเพื่อขอขมา ซึ่งนำโดยนางสาวแพทองทา ชินวัตร เพื่อขอให้พรรคก้าวไกลได้โหวตให้
ละครฉากนี้สำคัญ เพื่อที่จะเป็นเหตุผลในการเป็นข้ออ้าง ที่พรรคก้าวไกลไม่ยอมโหวตให้ เพราะก้าวไกล ยังไงก็ฟังเสียงประชาชน อีกทั้ง สส. ในหลายเขตการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล ได้ทำโพลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในทุกเขตที่ผลโหวตออกมาประมาณ 90% ไม่สนับสนุนให้โหวตให้กับพรรคเพื่อไทย ถ้าไม่ได้ร่วมรัฐบาล และประมาณ 10% เท่านั้น ที่ยินดีให้โหวตให้พรรคเพื่อไทย ข้ออ้างนี้จะมีผลต่อการขาดสัจจะครั้งที่สอง ที่จะยอมประสานกับทางพรรคลุง เข้าร่วมรัฐบาล โดยจะโยนความผิดไปให้พรรคก้าวไกล ว่า “เพราะพรรคก้าวไกลไม่ยอมโหวตให้”
ซึ่งในวันนี้ 10 สิงหาคม พรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมาบอกว่า พร้อมที่จะโหวตให้พรรคเพื่อไทย ทั้ง 40 เสียง โดยไม่มีหมายเหตุแนบท้าย นั่นเป็นละครฉากกดดันให้พรรคก้าวไกลต้องนำกลับไปคิด ว่าจะโหวตดีหรือไม่โหวตดี ขนาดพรรคลุงยังประกาศจะช่วยโหวตให้ แล้วก้าวไกลซึ่งประกาศเสมอมาว่าเป็นเพื่อนกันกับพรรคเพื่อไทยนี่จะไร้น้ำใจกระนั้นเหรอ คนเขียนบทละครตอนนี้ ก็หวังว่า ก้าวไกลจะตัดสินใจตกหลุมพราง ที่เพื่อไทยได้ตีบทละครแตกกระจุยมาแล้ว แหม...การเมืองไทยมันจะสลับซับซ้อนอะไรถึงขนาดนี้ บอกกันตรงๆ ไม่ได้หรือว่า ความจริงมันคืออะไร ??..ข้อสงสัยเหล่านี้มันเริ่ใพรั่งพรูออกมาจากมันสมองของประชาชน ที่นักการเมืองบางพวกมักจะบุลลี่ว่าโง่นี่แหละ
ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงไม่บอกความจริงว่า มีอะไรหนักใจ ทำไมถึงพยายามจะผลักไสก้าวไกลให้เป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่ก้าวไกลมีเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง มีความชอบธรรมมากกว่าทุกพรรค มีอะไรปิดบังความจริงอยู่ ความจริงมันคืออะไร จะอ้างว่าไม่เอาพรรคที่แก้ ม.112 พลโทอนันตเดช เมฆสวัสดิ์ ก็ออกมาบอกแล้วว่า ม.112 เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อเล่นงาน ฝ่ายตรงข้าม ความจริงคือทุนที่อยู่เบื้องหลังพรรคการเมือง ถ้าจะอ้างการกลับบ้านของทักษิณ เพื่อไทยก็ได้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมอยู่แล้ว สามารถดำเนินการได้อย่างสะดวก ทำไม??...มันยังมีความจริงอะไรอีกที่พรรคเพื่อไทยยังปิดบัง
สิ่งที่สงสัยของคนในสังคมมากไปกว่านั้น คือ หลังจากที่พรรคเพื่อไทยไม่รักษาสัจจะ ฉีก MOU กับพรรคก้าวไกลแล้ว มวลนคนเสื้อแดง ที่ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด เป็นฐานเสียงที่สำคัญที่ทำให้พรรคเพื่อไทยนะการเลือกตั้งมาทุกครั้ง ได้แสดงออกซึ่งความไม่พอใจที่มีต่อการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย แต่ สส. พรรคเพื่อไทยเอง โดยเฉพาะแกนนำพรรคเพื่อไทย ไม่มีความรู้สึกที่จะแคร์เสียงของประชาชนเลย มวลนคนเสื้อแดง ได้แสดงออกจนถึงเผาเสื้อแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่เขารัก ที่เขาเก็ยสะสมไว้ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ แต่พรรคเพื่อไทยไม่มีเลยแม้แต่จะออกมาพูดถึงหรือสร้างความเข้าใจกับมวลนคนเสื้อแดงเลย
ความไม่ใส่ใจ ไม่แคร์ต่อความรู้สึก แถมยังใช้ปากของผู้อื่น ออกมาพูดว่า ประชาชนมีหน้าที่เพียงแค่เลือกตั้ง หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของ สส. ประชาชนไม่เกี่ยว นั่นยิ่งเติมเชื้อไฟลงไปในกลุ่มคนที่ไม่พอใจ แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังนิ่งเฉยต่อสิ่งเหล่านี้ นี่เป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่า พรรคเพื่อไทยทอดทิ้งประชาชน ถึงแม้จะมีมวลชนบางส่วนได้ออกมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย แต่ก็มองในเรื่องผลประโยน์เป็นหลัก เช่น กลุ่มญาติวีระชน คนเสื้อแดงผู้เสียชีวิต ออกมาให้กำลังใจด้วยการนำรูปผู้เสียชีวิตไปด้วย พร้อมทั้งข้อความ “เพื่อไทยนโยบายกินได้” ซึ่งไม่สอดคล้องกับมวลชนคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ ที่มุ่งในเรื่องของประชาธิปไตย
ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้แสดงออกถึงความเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ได้อยู่ในใจของประชาชนอีกต่อไป เพราะประชาชนได้ข้อสรุปจากการแสดงละครของพรรคเพื่อไทยในนาม “เพื่อไทยการละคร” ที่ตีบทแตกในบทบาท “ไร้สัจจ์ ขัดจารีต ปิดบังความจริง ทอดทิ้งประชาชน” ได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อหลอกเอาบทบาทการจัดตั้งรัฐบาลไปร่วมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งไม่ใช่ความคาดหวังของประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยมาเป็นผู้แทนในสภาเลย แทนที่จะชวนพรรคภูมิใจไทยมาร่วมกับ 8พรรค เป็นพรรคที่ 9 เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลโดยไม่ต้องพึ่ง สว. ได้ก็ไม่ทำ แต่เอาโอกาสไปมอบให้กับฝ่ายตรงข้าม อย่างนี้ไม่รู้จะเรียกอะไรดี เอา....ประชาชน เป็นผู้ตัดสินเองแหละ ว่าจะเรียกอะไร