In News

ครม.เคาะร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีAPEC ด้านสตรี-เศรษฐกิจถกที่สหรัฐฯ20ส.ค.นี้



กรุงเทพฯ-​ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรี APEC ด้านสตรีและเศรษฐกิจ ส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ เสริมพลังสตรีร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพ 20 ส.ค. นี้

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ว่า ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี พ.ศ.2566 (APEC 2023 Women and the Economy Statement) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ร่างแถลงการณ์ฉบับนี้ จะมีการรับรองในการประชุมระดับสูงสำหรับผู้กำหนดนโยบายด้านสตรีและเศรษฐกิจ (High Level Policy Dialogue on Women and the Economy: HLPDWE) วันที่ 20 สิงหาคม 2566 ณ เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา 

ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี พ.ศ.2566 (APEC 2023 Women and the Economy Statement) ฉบับนี้ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสตรีในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 

1.จัดทำโครงสร้างพื้นฐานด้านการบริบาล อาทิ จัดทำนโยบายการคุ้มครองทางสังคมสำหรับผู้บริบาล (Care Worker) ที่ยุติธรรม เท่าเทียม และเหมาะสม ทั่วทั้งภูมิภาค

2.ลดช่องว่างระหว่างเพศทางด้านดิจิทัล โดยเพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยี การพัฒนาทักษะ การเข้าถึงตลาดและแหล่งเงินทุน เพื่อช่วยให้สตรีและเด็กหญิงทุกคนสามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือ ระบบอินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีอื่น ๆ ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย รวมทั้งเสริมสร้างความรู้และทักษะด้านดิจิทัล เพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลได้อย่างเต็มที่

3.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิ 1)ผลักดันการมีส่วนร่วมของสตรีในกระบวนการตัดสินใจและการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2)การพัฒนานวัตกรรมในด้านพลังงานสะอาดและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่เป็นธรรม 3)การเข้าร่วมและเป็นผู้นำในระบบเศรษฐกิจสีน้ำเงินและระบบเศรษฐกิจสีเขียว เป็นต้น ทั้งนี้ ระบบเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) คือ แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน ส่วนระบบเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) คือ แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคพื้นดินควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

4.ส่งเสริมความเท่าเทียมและความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจที่มีสตรีเป็นเจ้าของ เป็นผู้นำ และเป็นผู้จัดการ ให้มีความยืดหยุ่นและสามารถแข่งขันได้มากขึ้น รวมทั้งขจัดกฎหมายและนโยบายที่มีการเลือกปฏิบัติและขัดขวางโอกาสในการสมัครงานและความเป็นผู้ประกอบการของสตรี