In Bangkok
กทม.จัดเปิดงาน 'วันผู้สูงอายุแห่งชาติ' ขับเคลื่อนให้เมืองน่าอยู่สังคมมีความสุข
กรุงเทพฯ-(23 ส.ค.66) เวลา 09.30 น. รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และเผยแพร่ภูมิปัญญาผู้สูงอายุ ประจำปี 2566 ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง
กรุงเทพมหานคร กำหนดจัดกิจกรรมเนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติเป็นประจำทุกปี ตามที่คณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้วันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ จากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมได้ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปี 2565 ในช่วงต้นปี 2566 ยังพบการระบาดของเชื้อโควิด 19 ในผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันสถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทยและพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถควบคุมได้และคลี่คลายเป็นไปในทางที่ดีขึ้น อีกทั้งผู้สูงอายุส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 อย่างทั่วถึง จึงมีการเลื่อนการจัดงานเนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติในเดือนเมษายน มาเป็นเดือนสิงหาคม และในปีต่อๆไป จะมีการจัดกิจกรรมในเดือนเมษายนของทุกปีเช่นเดิม
สำหรับการจัดงานเนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติและเผยแพร่ภูมิปัญญาผู้สูงอายุ ประจำปี 2566 เพื่อให้ผู้สูงอายุได้ร่วมแสดงความรู้ความสามารถ และเผยแพร่ภูมิปัญญาให้เกิดการสืบทอดและต่อยอดการพัฒนาสังคม อีกทั้งให้ประชาชนทุกกลุ่มในสังคมได้เห็นความสำคัญ พร้อมทั้งเห็นคุณค่าและศักยภาพของผู้สูงอายุ กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย กิจกรรมเดินการกุศลของสหพันธ์ชมรมผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร การมอบเกียรติบัตรอาสาสมัครผู้สูงอายุจิตอาสา การออกบูธผลงานและผลิตภัณฑ์ชมรมผู้สูงอายุ การจับรางวัลหางบัตรเดินการกุศล และการแสดงบนเวทีของผู้สูงอายุ โดยมีสมาชิกจากสหพันธ์ชมรมผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน
ทั้งนี้ การจัดงานเนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติและเผยแพร่ภูมิปัญญาผู้สูงอายุ ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีหลักประกันมั่นคง พึ่งพาตนเองได้ เป็นพลังของสังคม” สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร ระยะที่ 3 (พ.ศ.2566-2570) และนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร “ชมรมผู้สูงอายุ สร้างสุขภาพ ส่งเสริมสุขภาพใจ (Active Aging)” ซึ่งผู้สูงอายุเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญ และทรงภูมิปัญญา ควรส่งเสริมให้เป็นพลังทางสังคม ที่สามารถช่วยในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศได้เช่นเดียวกับช่วงวัยอื่นๆ
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่เล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ และร่วมมือร่วมใจกันจัดกิจกรรมในวันนี้เพื่อผู้สูงอายุ เนื่องจากผู้สูงอายุเป็นบุคคลที่มีคุณค่า เป็นบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ครอบครัว ชุมชน สังคม และกรุงเทพมหานครมาอย่างต่อเนื่อง จากสถิติประชากรผู้สูงอายุของกรุงเทพมหานคร ตามทะเบียนราษฎร์ เมื่อปี 2565 มีจำนวน 1,160,487 คน คิดเป็นร้อยละ 21.65 จะเห็นได้ว่ากรุงเทพมหานครจัดเป็น “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” แล้ว และกรุงเทพมหานครได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวเช่นกัน จึงมีการกำหนดนโยบายให้การดูแลผู้สูงอายุในด้านต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกท่านทั้งที่เป็นผู้สูงอายุแล้ว และวัยที่ต้องเตรียมตัวเป็นผู้สูงอายุในอนาคต มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความพร้อมในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อม สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
"กรุงเทพมหานคร จะดำเนินการจัดกิจกรรมในชุมชนต่างๆ ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น รวมถึงประสานสำนักพัฒนาสังคม และสำนักงานเขตในพื้นที่ในการจัดกิจกรรมเผยแพร่ภูมิปัญญาผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหาแนวทางเพิ่มจำนวนสมาชิกในชมรมผู้สูงอายุต่างๆ ให้มากขึ้น เพราะผู้สูงอายุมีพลังและเป็นกำลังสำคัญที่ถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาและประสบการณ์สู่คนรุ่นต่อๆไป อยากให้ผู้สูงอายุติดสังคมมากกว่าติดเตียง ร่วมกันกระตุ้นเตือนสังคมให้มีความเอื้ออาทรต่อกัน ตระหนักและให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุ ขับเคลื่อนให้เมืองน่าอยู่และสังคมมีความสุข" รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวในตอนท้าย
ในการนี้มี นายสุขสันต์ กิตติศุภกร รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย นายจิรัฏฐ์ ม้าไว ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักอนามัย คณะกรรมการบริหารและสมาชิกสหพันธ์ชมรมผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกิจกรรม