In Global

'จีเอซี กรุ๊ป'เผยกลยุทธ์ธุรกิจการทำตลาด ตปท.ล่าสุดมุ่งก้าวสู่ระดับโลก



กว่างโจว, จีน-29 สิงหาคม 2566-เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา จีเอซี กรุ๊ป (GAC Group) ได้เผยแพร่รายงานประจำครึ่งปีที่แสดงให้เห็นว่า บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 2.33532 แสนล้านหยวนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน ระบุว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน จีนส่งออกรถยนต์รวมทั้งสิ้น 2.14 ล้านคัน แซงหน้าญี่ปุ่นในฐานะผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุด และตามแผนการที่จีเอซี กรุ๊ป วางไว้ในอนาคตนั้น การทำธุรกิจในต่างประเทศได้กลายเป็นจุดสนใจหลักของบริษัท

จีเอซีทำตลาดต่างประเทศด้วยกลยุทธ์ “1551”

เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า จีเอซี กรุ๊ป ได้วางกลยุทธ์การทำตลาดต่างประเทศ “1551” ซึ่งประกอบด้วย “1” เป้าหมายทำยอดขายรถยนต์ให้ได้ 50 ล้านคันภายในปี 2573 และมีฐานที่มั่นทางธุรกิจใน “5” ตลาดหลัก ได้แก่ ยุโรป เอเชียแปซิฟิก เครือรัฐเอกราช ตะวันออกกลางและแอฟริกา รวมถึงอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ซึ่งจะดำเนินการโดยให้ความสำคัญกับค่านิยมหลัก “5” ประการของแบรนด์ ได้แก่ การสร้างแบรนด์ให้เป็นสากล การสร้างผลิตภัณฑ์ให้เป็นสากล การสร้างผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น การบูรณาการการขายและการบริการ และการกระจายธุรกิจ ซึ่งแผนดังกล่าวจะดำเนินการโดยใช้ “1” ระบบขององค์กรระดับโลก รวมถึงกลไกการให้หลักประกันแก่บุคลากรมากความสามารถ เพื่อสร้างชุมชนธุรกิจในต่างประเทศ

จีเอซี กรุ๊ป ตั้งเป้าว่าจะเปิดสำนักงานสาขาในตลาดยุโรปตะวันตกด้วยการนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบเข้าสู่ตลาด ส่วนในตลาดเอเชียแปซิฟิกนั้น บริษัทจะเน้นนำเสนอรถยนต์ทั้งแบบที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง พลังงานไฮบริด และพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ รวมถึงสร้างฐานการผลิตในมาเลเซีย ไทย เมียนมา และประเทศอื่น ๆ ด้านตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกานั้น สำนักงานสาขาดูไบจะเดินหน้าพัฒนาตลาดอ่าวอาหรับ พร้อมดำเนินการโรงงานผลิตรถยนต์ที่ชิ้นส่วนบางชุดประกอบมาจากต่างประเทศแล้ว (SKD) ในไนจีเรียและตูนิเซีย รวมทั้งส่งเสริมการผลิตรถยนต์ในประเทศ (CKD) ในอียิปต์และแอฟริกาใต้ สำหรับตลาดอเมริกากลางและอเมริกาใต้นั้น สำนักงานสาขาใหม่ในเม็กซิโกจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้การดำเนินงานและการบริหารจัดการในภูมิภาค และในส่วนของการพัฒนาตลาดเครือรัฐเอกราชจะให้ความสำคัญกับประเทศรัสเซียเป็นหลัก โดยระยะสั้นจะมุ่งเน้นการนำเข้ารถยนต์ทั้งคัน (CBU) พร้อมกับสำรวจความเป็นไปได้ในการผลิตรถยนต์ในประเทศด้วย