In News

บีโอไอเผยตัวเลขลงทุนภาคใต้9.6พันล. ดันระเบียงศก.SECประตูการค้า-ลงทุน



บีโอไอดันลงทุนภาคใต้ชูระเบียงเศรษฐกิจ SEC – เขตพิเศษชายแดนใต้ เป็นประตูการค้าการลงทุน

บีโอไอดันลงทุนภาคใต้ชูระเบียงเศรษฐกิจ SEC – เขตพิเศษชายแดนใต้ เป็นประตูการค้าการลงทุน

สงขลา-บีโอไอยกทัพขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจัดงาน “NEW Economy, NEW Opportunities” ชี้ศักยภาพและโอกาสการลงทุนพร้อมมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ดึงนักธุรกิจในพื้นที่เข้าร่วมงานกว่า 180 คน พร้อมผลักดันพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนใต้ สู่การเป็นประตูการค้าการลงทุนของภูมิภาค เผยตัวเลขขอรับส่งเสริมในภาคใต้ครึ่งปีแรกกว่า 9,600 ล้านบาท

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่  1 กันยายน 2566 บีโอไอร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) สภาอุตสาหกรรมและสภาหอการค้าภาคใต้ จัดงาน “NEW Economy, NEW Opportunities” ที่จังหวัดสงขลา ต่อยอดความสำเร็จจากการจัดงานในภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อประชาสัมพันธ์ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) และมาตรการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ที่สนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ โดยเน้นการส่งเสริมการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ภาคใต้มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร อาหาร ท่องเที่ยว และ BCG โดยมีผู้ประกอบการในพื้นที่ เข้าร่วมงานกว่า 180 คน

“ภาคใต้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ ทั้งในด้านการเกษตร การท่องเที่ยว การค้าและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ โดยภาคใต้มีความโดดเด่นในหลายมิติ ทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก และแหล่งพำนักระยะยาวของชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งมีชุมชนขนาดใหญ่ติดอันดับโลกของกลุ่ม Digital Nomad และสตาร์ทอัพที่ภูเก็ต เกาะสมุย และเกาะพงัน นอกจากนี้ ภาคใต้ยังเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญ ทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมัน ตลอดจนเป็นศูนย์กลางแปรรูปอาหารทะเลและอาหารฮาลาล สำหรับความโดดเด่นด้านการค้าและโลจิสติกส์ ชายแดนภาคใต้ก็เป็นประตูการค้าสำคัญไปสู่มาเลเซียและสิงคโปร์ อีกทั้งกำลังจะมีโครงการ Land Bridge เชื่อมฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จะเป็นประตูเชื่อมระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกไปสู่เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาอีกด้วย จะเห็นว่าภาคใต้มีทำเลที่ตั้งที่ดีและมีจุดแข็งอยู่มาก บีโอไอมองเห็นโอกาสในการดึงศักยภาพเหล่านี้มาทำให้เกิดพลังดึงดูดการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ สร้างความเจริญและอนาคตที่สดใสให้กับคนในพื้นที่” นายนฤตม์ กล่าว

สำหรับทิศทางการพัฒนาภาคใต้ตอนบน รัฐบาลมุ่งผลักดันให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค รองรับการขนส่งทั้งทางทะเลและทางบก โดยประกาศ “ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC)” ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดระนอง ชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี และเดินหน้าโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย - อันดามัน หรือ Land Bridge เงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยจะมีการสร้างท่าเรือน้ำลึก มอเตอร์เวย์และรถไฟทางคู่ เพื่อเชื่อมต่อการค้าจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น และจีน ไปสู่เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาทางฝั่งอันดามัน เป็นต้น

ในส่วนของภาคใต้ตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จะพัฒนาให้เป็นพื้นที่รองรับการลงทุน ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและนิคมอุตสาหกรรมเฉพาะทาง เช่น  นิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) เป็นต้น ซึ่งเป็นต้นแบบในการยกระดับการแปรรูปวัตถุดิบในพื้นที่สู่สินค้าที่มีมูลค่าสูง อาทิ ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากยางพารา ผลิตภัณฑ์แปรรูปและเคมีภัณฑ์จากปาล์มน้ำมัน นอกจากนี้ ภาคใต้ตอนล่างยังมีศักยภาพในการเป็นประตูเศรษฐกิจการค้าแห่งภูมิภาคที่เชื่อมโยงกับมาเลเซียและสิงคโปร์ สะท้อนจากมูลค่าการค้าชายแดนของภาคใต้กว่า 6.6 แสนล้านบาท นับว่าสูงที่สุดในประเทศ

นอกจากภาคการผลิตและโลจิสติกส์แล้ว ภาคใต้ยังมีศักยภาพสูงในภาคบริการ ทั้งการท่องเที่ยวมูลค่าสูง เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและอาหาร รวมถึงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ 11 แห่งในพื้นที่ภาคใต้ นำโดยเมืองอัจฉริยะภูเก็ต หนึ่งในต้นแบบเมืองอัจฉริยะของไทย ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพให้เข้ามาพำนักอาศัยและทำงานในประเทศไทยระยะยาว และช่วยต่อยอดและสร้างรายได้ให้แก่พื้นที่ท่องเที่ยวและชุมชนได้อย่างยั่งยืน

“การจัดงานที่ภาคใต้ครั้งนี้ เป็นโอกาสดีในการประชาสัมพันธ์ทิศทางและนโยบายส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอและหน่วยงานพันธมิตร เพื่อร่วมกันสนับสนุนให้ผู้ประกอบการดึงศักยภาพของภาคใต้มาต่อยอดสร้างมูลค่า ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ เช่น มาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย มาตรการยกระดับอุตสาหกรรมไปสู่ Smart and Sustainable Industry มาตรการส่งเสริม SMEs มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม มาตรการพัฒนากำลังคนและงานวิจัยโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และมหาวิทยาลัยในพื้นที่ เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ตลอดจนการสร้างโอกาสทางธุรกิจจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนใต้ และโครงการ Land Bridge ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมเชื่อมั่นว่าภาคใต้จะเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” นายนฤตม์ กล่าว

ทั้งนี้ ยอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.- มิ.ย.) ของปี 2566 มีจำนวน 53 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 9,600 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป ถุงมือยางทางการแพทย์ กิจการท่องเที่ยว และดิจิทัล