Travel Sport & Soft Power
พังงาสนุกครบทุกรสในชุมชนมากของดี กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านท่าดินแดง
พังงา-จังหวัดพังงานอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลสวยงามติดอันดับโลกแล้ว ยังเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ป่าชายเลนมากที่สุดในเมืองไทย โดยปัจจุบันพังงามีพื้นที่ป่าชายเลนอยู่มากกว่า270,000 ไร่ นอกจากจะเป็นแหล่งสรรพชีวิตต่างๆแล้ว ยังเป็นแหล่งทำมาหากินของชาวชุมชนชายฝั่ง รวมถึงยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ ซึ่งหลายๆชุมชนได้นำความโดดเด่นของป่าชายเลนในพื้นที่มาผนวกรวมกับวิถีชีวิตและของดีในชุมชน แล้วสร้างสรรค์กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนดีๆขึ้นมาบริการนักท่องเที่ยว
ในวันนี้ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานพังงา พร้อมด้วย นายปฏิพัทธ์ วาหะรักษ์ หรือบังโหรน มัคคุเทศก์กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านท่าดินแดง ม.4 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นำคณะสื่อมวลชนเที่ยวชมกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชน โดยเริ่มจากกิจกรรมพายเรือคายัค ที่มีทีมสตาร์ฟของชุมชนเป็นพายออกจากท่าเรือในขุมน้ำใหญ่ พาลัดเลาะเข้าไปในลำคลองสายเล็กสายน้อยในป่าชายเลน ท่ามกลางระบบนิเวศ ที่ธรรมชาติยังมีความสมบูรณ์ของป่าชายเลน เต็มไปด้วยสรรพสัตว์และพืชพันธุ์อันหลากหลายและ ยังได้ชมวิถีการทำประมงพื้นบ้าน
ต่อด้วยนั่งเรือหัวโทงไปยังเขาหน้ายักษ์ ในอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง ซึ่งหาดเขาหน้ายักษ์ เป็นเวิ้งอ่าวสงบ สะอาด สวยงาม มีพื้นทรายขาวนวล เนื้อทรายละเอียดยิบ น้ำทะเลใสแจ๋ว ค่อยๆไล่โทนจากสีเขียวอมฟ้าอ่อนๆไปสู่สีฟ้าแก่และน้ำเงินเข้มในเขตน้ำลึก นับเป็นแนวชายหาดที่มีความสวยงาม ขณะที่มีเรื่องเล่าว่า “เดิมเป็นภูเขาย่อมๆหันหน้าออกไปทางหมู่เกาะสิมิลัน มีรูปร่างลักษณะดูคล้ายหน้ายักษ์อารมณ์โกรธเกรี้ยว ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเรือรบของทหารญี่ปุ่นหลายลำแล่นผ่านมาทางนี้ แล้วได้ล่มหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ทหารญี่ปุ่นเชื่อว่าน่าจะเป็นอาถรรพ์ภูเขาหน้ายักษ์ลูกนี้ จึงใช้ปืนใหญ่ยิงเข้าใส่จนภูเขาส่วนที่คล้ายหน้ายักษ์ระเบิดจมลงทะเล และได้กลายเป็นตำนานเขาหน้ายักษ์มาจนถึงทุกวันนี้
จากนั้นก็ไปชมร่องรอยของรางแร่เหมืองเก่าและจุดร่อนแร่ของชาวบ้านในอดีต ซึ่งมีชาวบ้านสาธิตวิธีการร่อนแร่ดีบุกด้วยเลียงแบบโบราณ และการสาธิตการทำอาหารพื้นถิ่น ชมแปลงปลูกผักไร้ดิน หรือผักไฮโดรโปนิกส์ พร้อมกับได้ลิ้มชิมรสสลัดผัก ที่เลือกเก็บมาจากแปลงปลูกมาทานได้เลย นับว่าเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวที่มีครบทุกรส สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเที่ยมชมอย่างมิรู้ลืม
นายปฏิพัทธ์ วาหะรักษ์ หรือบังโหรน เล่าว่า บ้านท่าดินแดง เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีการตั้งถิ่นฐานมาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวชุมชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่เดิมนั้นชาวบ้านทำการประมงและการเกษตร แต่หลังเกิดเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 หมู่บ้านท่าดินแดงเป็นอีกพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์ และนั่นทำให้ทิศทางการดำเนินชีวิตของชุมชนได้มีการปรับเปลี่ยน โดยชุมชนได้มองเห็นถึงศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวของชุมชนที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นกิจกรรม และ เส้นทางการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งและผจญภัย จึงตั้งกลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านท่าดินแดงขึ้น โดยมีกิจกรรมพายเรือคายัคชมความงามและธรรมชาติของป่าโกงกาง นั่งเรือหัวโทงไปชมความสวยงามหาดเขาหน้ายักษ์ การสาธิตการร่อนแร่ดีบุก ชมศูนย์เรียนรู้การปลูกผักไร้ดิน การสาธิตการทำอาหารพื้นถิ่น ซึ่งทำให้บ้านท่าดินแดงกลายเป็นเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ดีแห่งหนึ่งของภาคใต้