In Bangkok
ผู้ว่าฯกทม.ให้รับมือไฟไหม้โกดังรถไฟฟ้า ยกกรณีที่ซอยวิภาฯ22แบตฯอันตราย
กรุงเทพฯ-ผู้ว่าฯกทม.เผยขั้นตอนเผชิญเหตุเพลิงไหม้โกดังรถมอ’ไซค์ไฟฟ้า พร้อมสั่งการให้เตรียมความพร้อมรับมือเหตุดังกล่าว
(7 ก.ย. 66) ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงเหตุเพลิงไหม้โกดังภายในซอยวิภาวดีรังสิต 22 เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่าเหตุเพลิงไหม้พวกแบตเตอรี่ต่าง ๆ การดับเพลิงจะไม่เหมือนรูปแบบปกติ และในอนาคตจะมีการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ฉะนั้น หลังจากนี้กทม.จะมีการเตรียมในเรื่องของประสิทธิภาพในการดับเพลิงประเภทดังกล่าว และการให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งเจ้าหน้าที่ของกทม. และที่เป็นอาสาสมัคร เพื่อให้สามารถเข้าเผชิญเหตุได้ถูกต้อง และเข้าใจกระบวนการจัดเก็บแบตเตอรี่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมตัวรับมือให้พร้อม
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ ผอ.เขตจตุจักร ไปดูในเรื่องของการเก็บแบตเตอรี่ว่าถูกต้องตามการใช้งานอาคารหรือไม่ เป็นไปตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ในการจัดเก็บวัตถุอันตราย หรือไม่ หรือเป็นไปตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่ รวมถึงจะต้องขยายผลไปในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีการจัดเก็บแบตเตอรี่และจำหน่ายรถไฟฟ้าด้วย
นายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า สำหรับเหตุเพลิงไหม้อาคาร บริเวณปากซอยวิภาวดีรังสิต 22 เขตจตุจักร นั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณเวลา 23.45 น. ของวันที่ 6 ก.ย. 66 หลังจากรับแจ้งสถานีดับเพลิงและกู้ภัยสุทธิสาร และสถานีดับเพลิงข้างเคียงเดินทางเข้าที่เกิดเหตุ ซึ่งอาคารดังกล่าวเป็นอาคารคอนกรีต 4 ชั้น ประกอบกิจการโกดังเก็บสินค้า ด้านหน้าเป็นลักษณะโชว์รูมขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 4 เก็บจักรยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ซึ่งประกอบด้วยสารลิเทียมไอออนที่ใช้กับรถจักรยานยนต์ ชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 เก็บอาหารเสริม ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่แบตเตอรี่ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยต้นเพลิงเกิดขึ้นชั้นที่ 1 เพลิงลุกไหม้ทั้งหมดและลุกลามบ้านข้างเคียงเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
สำหรับสารลิเทียมไอออนจะเหมือนกับถ่านไฟฉายจำนวนมากซึ่งมีการเชื่อมต่อระบบไว้ การใช้น้ำในการควบคุมเพลิงไหม้ จะทำให้อุณภูมิลดลง แต่เมื่อหยุดใช้น้ำกระแสไฟฟ้ายังคงแอคทีฟอยู่ ก็จะเกิดความร้อนขึ้นมาอีก และจุดติดขึ้นมาใหม่ ประกอบกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่มีความลึกประมาณ 50 เมตร มีทางเข้าทางเดียวคือด้านหน้า โดยพื้นของอาคารเป็นพื้นไม้และมีปล่องลิฟท์ที่ส่งผลให้ไฟและความร้อนลุกลามไปทุกชั้น ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงานจะต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นอย่างมากเนื่องจากพื้นอาจจะถล่มลงมาได้ จึงทำให้การดับเพลิงเป็นไปได้ยากมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาสำนักป้องกันและบรรเทาสารธารณภัยได้มีการจัดอบรมทบทวนการเผชิญเหตุ รวมถึงมีการให้ความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ในบ้านเรือนและเรื่องของรถไฟฟ้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยมากที่สุด