In News

นายกฯแจงสภายึดผลประโยชน์ประชาชน เพิ่มรายได้เกษตรกรใน4ปีปลดหนี้ชาวนา



กรุงเทพฯ-นายกฯ ชี้แจงสภาฯ ยืนยันรัฐบาลยึดโยงประโยชน์ประชาชน เดินหน้าเพิ่มรายได้เกษตรกร ใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ควบคู่พักหนี้ ย้ำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังคงอยู่ พร้อมดูรายละเอียด Digital Wallet ให้เหมาะสม

วันนี้ (11 กันยายน 2566) เวลา 17.30 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุม ดังนี้ 

นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกความเห็นที่ให้คำแนะนำจากสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้มอบให้กับรัฐบาลในวันนี้ ในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลจะยึดโยงกับประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และประชาชนของรัฐบาลนี้ ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม ทั้งคนเมือง คนต่างจังหวัด คนทุกฐานะ ภาคเอกชน ข้าราชการ อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง โดยยืนยันในเรื่องนโยบายการปรับแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า รัฐบาลจะไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ว่าด้วยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ จะดำรงซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการพักหนี้ของเกษตรกร ตลอด 9 ปีที่ผ่านมีการพักหนี้แล้ว 13 ครั้ง ตามที่มีสมาชิกเป็นห่วงว่าการพักหนี้ไม่ใช่การแก้ไขอย่างยั่งยืน รัฐบาลตระหนักดีในเรื่องนี้ จึงมีมาตรการหลายอย่างเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น การทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายในเวลา 4 ปี ด้วยการใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ควบคู่ไปกับการพักหนี้เพื่อทำให้เกษตรกรหายใจได้ ลืมตาอ้าปากได้ เป็นช่วงที่เกษตรกรฟื้นฟูตัวเอง ทำให้มีกำลังใจในการกลับมาแก้ไขปัญหา ประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ซึ่งรัฐบาลคาดว่าการพักหนี้ครั้งนี้จะทำประโยชน์มากกว่าการพักหนี้ที่เกิดขึ้นในอดีต 9 ปีที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงเรื่องรัศมี 4 กิโลเมตรของ Digital Wallet ว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลตระหนักเป็นอย่างดีว่าในชนบทอาจจะมีร้านค้าไม่เพียงพอ โดยรัฐบาลจะไปดูรายละเอียดและดำเนินงานให้เหมาะสมอีกครั้งหนึ่งตามคำแนะนำของสมาชิก ส่วนเรื่องระยะเวลาการใช้ 6 เดือนเป็นสิ่งที่จำเป็น รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงระยะสั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพราะฉะนั้นระยะเวลาในการใช้เงินจำนวนนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก 

สำหรับข้อเสนอของสมาชิกที่อยากให้ยกเลิกการใช้รัศมี 4 กิโลเมตร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เศรษฐกิจภูมิภาคต้องการการกระตุ้น คนที่มีถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดใดควรกลับไปใช้ที่จังหวัดนั้น มีระยะเวลาการใช้ 6 เดือน การกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้อง ทำให้สถาบันครอบครัวแข็งแกร่งขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องรัศมี 4 กิโลเมตรตามบัตรประชาชน ขอคงไว้ ยกเว้นบางจังหวัด หรือบางเขตอาจจะต้องมีการขยาย และรัฐบาลจะผลักดันให้มีการท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ รัฐบาลมีแผนที่จะดำเนินการหลายอย่าง เช่น การยกเว้นการขอวีซ่าเข้าประเทศของบางประเทศซึ่งกำลังดำเนินงานอยู่ โดยการท่องเที่ยวจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเพื่อนำเงินเข้ามาในประเทศ ทำให้ภาคท่องเที่ยวของประเทศเติบโตอีกครั้ง ซึ่งตั้งเป้าสร้างเงินรายได้ประมาณ 3 ล้านล้านบาทต่อปี

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำว่า สมควรได้รับการปรับโดยเร็วที่สุด และรัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้เศรษฐกิจโตเฉลี่ยปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ตลอด 4 ปี ซึ่งจะทำให้ค่าแรงขึ้นไปได้ถึง 600 บาทต่อวัน ปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ขณะที่เรื่องค่าพลังงาน เป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลตระหนักดีว่าเรื่องการลดค่าใช้จ่ายของพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ มั่นใจว่าสามารถจะทำให้ค่าพลังงานต่ำลงอย่างมีนัยได้ ซึ่งรัฐมนตรีจะช่วยตอบในส่วนนี้

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนว่ายังคงมีอยู่ ส่วนเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ที่ดินต่าง ๆ ที่จะต้องจัดสรรเพื่อให้ประชาชนสามารถไปสร้างประโยชน์ทำมาหากินได้ซึ่งจะต้องดูทั้งที่ดิน สปก. และที่ดินของหน่วยงานราชการอื่น ๆ ผ่านรูปแบบที่เหมาะสม ทำให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน อย่างมีศักดิ์ศรี ขณะที่การแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำใน EEC นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะต้องดูแลอย่างเหมาะสมทุกมิติ การบริหารจัดการเรื่องน้ำให้มีความเหมาะสม ระหว่างภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม การอุปโภคบริโภค และรักษาไว้ซึ่งความสมดุลของระบบนิเวศ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งอีก 5 เดือนก็จะเข้าสู่ช่วงวิกฤตในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือว่า รัฐบาลจะเริ่มทำโดยเร็ว เพื่อให้เกิดผลได้ภายในต้นปี โดยดำเนินการส่วนที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก และเรื่องอื่นก็ค่อย ๆ พัฒนาไปตามขีดจำกัดของงบประมาณที่สามารถทำได้ และนายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความโปร่งใสโดยจะนำระบบ Digital เข้ามาใช้ให้มากขึ้นเพื่อลดการทุจริตประพฤติมิชอบ ทั้งนี้ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะมาตอบคำถามเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ยังไม่ได้ตอบต่อไป