In News
นายกฯเข้ม!จัดระเบียบ'แรงงานข้ามชาติ' คาดก่อนสิ้นปีได้เห็นค่าแรงขั้นต่ำ400บาท
กรุงเทพฯ-นายกรัฐมนตรีชี้แจงการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแรงงานไทย พร้อมบริหารจัดการ แรงงานข้ามชาติ One Stop Service ตั้งเป้าขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทรวมทั้งกำหนดให้มีมาตรการลดค่าครองชีพโดยเร็ว
วันนี้ (วันที่ 12 กันยายน 2566) เวลา 10.40 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยนายกรัฐมนตรีชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องแรงงาน ดังนี้
ประเทศไทยเป็นที่สนใจของแรงงาน อัตราว่างงานร้อยละ 1 ประชาชนไทยมีงานทำ และยังมีความต้องการคนงาน จนต้องนำเข้าแรงงานต่างชาติ โดยที่ไทยต้องดูแล สิทธิมนุษยชน ความเป็นอยู่ ศักดิ์ศรี ความปลอดภัย มั่นคงที่พึงจะได้ ซึ่งปัญหาที่ท่านสมาชิกได้กล่าวถึง อาทิ One Stop Service รัฐบาลตั้งมั่นว่าจะมีการจัดการให้ดีขึ้น ได้รับฟังข้อมูลเบื้องต้นทั้งปัญหาการประมงที่เกิดขึ้น พร้อมที่จะบริหารจัดการ One Stop Service ให้ดีขึ้น โดยคำนึงถึงผู้จ้างงาน ผู้ใช้แรงงาน และ แรงงานข้ามชาติ
รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น การท่องเที่ยว เพื่อดึงเงินเข้าภาคบริการ ทำให้ค่าแรงจะถูกปรับขึ้นตามความต้องการของแรงงาน นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจภาคบริการ เราจะลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และ logistics หลังแถลงนโยบายจะเดินหน้าโดยเร่งด่วน รัฐบาลมีเป้าหมายจะปรับค่าแรงขั้นต่ำให้เหมาะสมพึงพอใจในการใช้จ่าย รัฐบาลจะจัดให้มีการเจรจา 3 ฝ่าย ระหว่างแรงงาน ผู้ว่าจ้าง และรัฐบาล เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน โดยตั้งเป้าขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท โดยเร็วที่สุด
ครม.เห็นชอบให้คณะกรรมการต่างๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของคณะรัฐมนตรีชุดเดิม 174 คณะ
นายชัย ยังเปิดเผยอีกว่า ที่ประชุม ครม. วันนี้ มีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอให้คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของคณะรัฐมนตรีชุดเดิม จำนวน 174 คณะ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 และหลังจากนั้นให้คณะกรรมการดังกล่าวสิ้นสุดลง โดยในกรณีที่ส่วนราชการใดพิจารณาเห็นว่าคณะกรรมการ ฯ ดังกล่าวคณะใดยังคงมีภารกิจสำคัญและจำเป็นที่จะต้องคงอยู่ต่อไป เพื่อให้การดำเนินการตามภารกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ให้เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการคณะนั้น ๆ ขึ้นใหม่ โดยให้ตรวจสอบและปรับปรุงองค์ประกอบหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันแล้วส่งไปยัง สลค. โดยด่วน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 (เรื่อง แนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล) อย่างเคร่งครัด และหากเป็นกรณีที่มีการเสนอแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการในคณะกรรมการที่จะเสนอแต่งตั้งด้วย ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องระบุชื่อ/ชื่อสกุล และตำแหน่ง (ถ้ามี) ของบุคคลที่จะเสนอแต่งตั้งให้ชัดเจน พร้อมทั้งจัดทำเอกสารแบบสรุปประวัติของผู้ที่จะเสนอแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนั้น ๆ และแบบตรวจสอบประวัติบุคคลเพื่อประกอบการนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
“นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ส่วนราชการทบทวนคณะกรรมการตามมติ ครม.ชุดเดิม จำนวน 174 คณะดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน”