In Global
วิทยาลัยอันไท่คว้าอันดับ12ของโลกจาก การจัดอันดับโดยไฟแนนเชียลไทมส์
เซี่ยงไฮ้, 12 ก.ย. 2566-เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ไฟแนนเชียล ไทมส์ (Financial Times หรือ FT) ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับหลักสูตรปริญญาโทด้านการจัดการ (Masters in Management หรือ MiM) 100 อันดับแรกของโลก ประจำปี 2566 โดยวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการจัดการอันไท่ (Antai College of Economics and Management หรือ ACEM) แห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง (Shanghai Jiao Tong หรือ SJTU) อยู่ในอันดับที่ 12 ของโลกและอันดับ 2 ในประเทศจีน และติด 50 อันดับแรก 15 ปีติดต่อกัน โดยมีผลชี้วัดย่อยโดดเด่น เช่น ติดอันดับ 1 ของโลกด้าน “ได้งานทำภายใน 3 เดือน”, ติดอันดับ 2 (ติด 10 อันดับแรกมา 6 ปี) ด้าน “การให้บริการแนะนำด้านอาชีพ”, ติดอันดับ 5 (ติด 10 อันดับแรกมา 7 ปี) ด้าน “เปอร์เซ็นต์เงินเดือนเพิ่ม” และติดอันดับ 4 ด้าน “ความพึงพอใจโดยรวม”
การจัดอันดับหลักสูตรปริญญาโทด้านการจัดการของไฟแนนเชียล ไทม์ (FT MiM) มุ่งเน้นด้านการประเมินการพัฒนาอาชีพของผู้สำเร็จการศึกษา ความเป็นสากลของวิทยาลัย ความเข้มแข็งโดยรวม และความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งในปี 2566 นั้นได้มีการปรับเปลี่ยนระบบดัชนีการจัดอันดับ ตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของโรงเรียนธุรกิจระดับโลก โดยเครือข่ายศิษย์เก่าของวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการจัดการอันไท่แห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทงติดอันดับที่ 9 ของโลกเป็นครั้งแรก และติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในจีนแผ่นดินใหญ่
ผู้สำเร็จการศึกษาของวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการจัดการอันไท่ยังเป็นผู้นำในการแข่งขันด้านการพัฒนาอาชีพระดับโลก โดยมีอัตราการเพิ่มเงินเดือนอันดับที่ 5 และมีเงินเดือนเฉลี่ยอันดับที่ 14 นอกจากนี้ ดัชนีเครือข่ายศิษย์เก่ายังประเมินผลการสนับสนุนของเครือข่ายศิษย์เก่าในด้านการจ้างงาน การพัฒนาธุรกิจสตาร์ตอัปและอาชีพ พบว่าวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการจัดการอันไท่อยู่ในอันดับ 9 และอยู่ใน 5 อันดับแรกของโลกด้านการให้บริการแนะนำด้านอาชีพในช่วง 3 ปีล่าสุด โดยผู้สำเร็จการศึกษาได้รับความนิยมจากนายจ้าง เช่น แมคคินซี่ (McKinsey), คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีน (China Securities Regulatory Commission), โอเรียนต์ ซิเคียวริตีส์ (Orient Securities), อีฟันด์ (E-Fund), อาลีบาบา (Alibaba), ไบต์แดนซ์ (ByteDance) เป็นต้น
ระบบหลักสูตรของวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการจัดการอันไท่ สอดคล้องกับสถาบันชั้นนำระดับนานาชาติแบบครบถ้วนทุกมิติ ซึ่งประกอบด้วยความรู้และเทคโนโลยีของทฤษฎีและระบบการจัดการ คณิตศาสตร์ การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ และอีกมากมาย บูรณาการผสมผสานร่วมกับการวิจัยล่าสุดในสาขาที่เกี่ยวข้อง โดยมีคณาจารย์ระดับสูงของจีนและระดับนานาชาติดำเนินการบรรยาย นอกจากนี้วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการจัดการอันไท่ได้ปรับปรุงหลักสูตรการจัดการระดับแนวหน้า และให้ความสำคัญกับการปลูกฝังความสามารถทางเทคโนโลยีของนักศึกษา เช่น บิ๊กดาต้า และดีป แมชชีน เลิร์นนิง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการจัดการอันไท่ได้สำรวจแนวทางปฏิบัติของจีน โดยเริ่มจากการนำการวิจัยอุตสาหกรรมผสมผสานเข้ากับบริบทของการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน รวมถึงให้ความสำคัญกับแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) และความเป็นกลางของคาร์บอน นอกจากนี้วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการจัดการอันไท่ลงทุนส่งเสริมองค์ประกอบความรู้ในด้านดังกล่าวอย่างมุ่งมั่น รวมทั้งมีสถาบันวิจัยอุตสาหกรรมครอบคลุม 8 สาขาด้านวิทยาศาสตร์และการศึกษา รวมถึงพลังงานใหม่ ซึ่งประกอบด้วยทีมมากกว่า 30 ทีมที่ทำงานอยู่ในสาขาอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ ขณะที่ทีมคณาจารย์มุ่งมั่นวิจัยในด้านดังกล่าวและสอนหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยในปี 2564 และ 2565 นั้น วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการจัดการอันไท่ดำเนินการตรวจสอบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐานสากล ออกรายงานก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ และประกาศคำมั่นในการบรรลุเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์