In Bangkok
กทม.ยืนยันสั่งรื้อบ้านริมคลองลาดพร้าว กีดขวางถนนเชื่อม'วิภาวดีฯ-พหลโยธิน'
กรุงเทพฯ-กทม.ยืนยันดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงท้องถิ่นเชื่อม ถ.วิภาวดีฯ-พหลโยธินตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนรวม จากการเวนคืนบ้าน 174 หลังให้ความร่วมมือ รื้อย้ายตามประกาศ มีเพียง 4 หลังใน174หลังไม่ยอมรื้อถอนจนทำให้โครงการล้าช้ามากว่า 1 ปีจึงจำเป็นต้องใช้อำนวจเจ้าหน้าเข้าจัดการเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม.กล่าวกรณีมีการตั้งข้อสังเกตโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตเชื่อมกับถนนพหลโยธินไม่เป็นไปตามขั้นตอน วิธีการตามที่กฎหมายกำหนดว่า กรุงเทพมหานคร โดย สนย.ได้เวนคืนอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินอื่นตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหลโยธิน พ.ศ.2561 ในพื้นที่เขตบางเขนและเขตดอนเมือง ประกอบกับกรุงเทพมหานครได้มีประกาศการเข้าครอบครองและใช้อสังหาริมทรัพย์ก่อนการเวนคืน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน คณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่กำหนดราคาเบื้องต้นฯ จึงได้พิจารณากำหนดค่าทดแทนและค่าชดเชยให้แก่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และได้เจรจาทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กับเจ้าของทรัพย์สินเรื่อยมา กระทั่งคงเหลือสิ่งปลูกสร้างของชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธาที่ไม่ยอมรื้อย้ายออกจากแนวเวนคืนเพียง 4 ราย จากจำนวนทั้งหมด 174 ราย
ซึ่งปลูกสร้างริมคลองลาดพร้าว เป็นผลให้ไม่สามารถเข้าใช้พื้นที่ เพื่อก่อสร้างทางหลวงได้ กรุงเทพมหานคร จึงได้นำเงินค่าชดเชยที่เตรียมไว้ เพื่อจ่ายให้แก่เจ้าของทรัพย์สินไปฝากธนาคารออมสินและแจ้งให้ผู้มีสิทธิรับเงินทราบ แต่เจ้าของทรัพย์สินยังไม่ตกลงใด ๆ ส่งผลให้งานก่อสร้างทางหลวงเกิดความล่าช้า หากปล่อยไว้ อาจทำให้รัฐเสียประโยชน์ในการดำเนินงาน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะเจ้าหน้าที่เวนคืน จึงได้มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักการโยธา ปฏิบัติราชการแทน เข้าดำเนินการรื้อถอนขนย้ายโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในแนวเวนคืน
ตลอดจนมีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ขัดขวางการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นขั้นตอนการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2562 ดังนั้น การดำเนินงานทุกขั้นตอนของกรุงเทพมหานคร จึงเป็นการดำเนินงานตามขั้นตอน วิธีการ ที่กฎหมายกำหนดไว้ และเป็นการดำเนินงานเพื่อประโยชน์สาธารณะส่วนรวม โดยมิได้เอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคล หรือกลุ่มคนใด ๆ