In News

'ธรรมนัส'หนุนให้สร้างห้องเย็นเก็บทุเรียน ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯบูกิต-นราธิวาส



นราธิวาส-“รมว.ธรรมนัส” หนุนสร้างห้องเย็นเก็บทุเรียน เพิ่มศักยภาพการผลิตกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ บูกิต จ.นราธิวาส พร้อมเร่งเดินหน้าแก้ปัญหาที่ดินทำกินทับซ้อนพื้นที่อุทยานเทือกเขาบูโด

วันนี้ (17 กันยายน 2566) ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เยี่ยมชมการบริหารจัดการของศูนย์เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบริหารห้องเย็นบูกิต และรับฟังปัญหาด้านการเกษตรจากผู้แทนเกษตรกร ณ ศูนย์เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบริหารห้องเย็นบูกิต ตำบลบูกิต อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตทุเรียนกวน ตำบลบูกิต อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เป็นแหล่งผลิตทุเรียนกวนที่มีชื่อเสียง มีการแปรรูปและส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ สร้างรายได้ให้กับจังหวัดนราธิวาส อย่างไรก็ตาม กลุ่มแปรรูปทุเรียนกวน มีปัญหาด้านการจัดเก็บเนื้อทุเรียน เพื่อยืดอายุของเนื้อทุเรียนในการนำมาแปรรูปเป็นทุเรียนกวนตลอดทั้งปี โดยปัจจุบันมีห้องเย็นจำนวน 5 ห้อง แต่ไม่เพียงพอ เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวมีบริษัท วิสาหกิจชุมชน เกษตรกรทั่วไปที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเนื้อทุเรียน จำนวน 15 กลุ่ม ปริมาณผลผลิต ทั้งสิ้น 1,465 ตัน ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ผลักดันงบประมาณเพื่อนำมาสร้างห้องเย็นอีกหนึ่งห้อง เพิ่มศักยภาพในการผลิตให้กับวิสาหกิจชุมชนฯ

สำหรับปัญหาเรื่องสิทธิในที่ดินทำกินบริเวณเทือกเขาบูโด ซึ่งชาวบ้านรอบเทือกเขาบูโดใน 9 อำเภอ ได้รับผลกระทบจากการออก พ.ร.บ.อุทยาน แห่งชาติ ปี 2562 ซึ่งประกาศเป็นเขตป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติทับที่ดินที่ชาวบ้านทำกินอยู่ก่อน ในเรื่องนี้ได้ประสานไปยัง พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเตรียมตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนที่ดินในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสร่วมกัน

รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับปัญหาที่ดินทำกิน โดยเน้นย้ำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินหน้าทำงานร่วมกันแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนเขตอุทยาน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกันที่ถูกต้องตามกฏหมาย และเกิดประโยชน์กับพื้นที่และชุมชน โดยจะต้องมีการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ หากอยู่อาศัยมาก่อนการประกาศเป็นเขตอุทยาน ก็จะต้องคืนให้กับชาวบ้านโดยออกเป็นโฉนดที่ดิน

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ  และคณะ เดินทางพบปะกลุ่มเกษตรกร ณ เทศบาลเมืองตากใบ อำเภอตากใบ ต่อมา เดินทางตรวจติดตามพนังกั้นน้ำมูโนะ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ณ อำเภอสุไหงโก-ลก และตรวจเยี่ยมคลองชลประทาน เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ปัญหาน้ำดำจากป่าพรุโต๊ะแดง ณ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ ก่อนจะเดินทางไปตรวจติดตามผลการดำเนินงาน “ตากใบโมเดล” ณ ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ

สั่งปรับปรุงผนังกั้นน้ำแม่น้ำโก-ลกและคลองมูโนะ

หลังจากนั้น ร้อยเอกธรรมนัส ลงพื้นที่ติดตามการปรับปรุงพนังกั้นน้ำแม่น้ำโก-ลก ในพื้นที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส พร้อมติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำดำ บริเวณป่าพรุโต๊ะแดง พร้อมด้วย นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมี นายวิทยา แก้วมี รองอธิบดีกรมชลประทาน นายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ในครั้งด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เป็นเรื่องที่ต้องหาแนวทางการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัยในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาทั้งระบบ โดยได้สั่งการให้กรมชลประทานเร่งรัดงานปรับปรุงพนังกั้นน้ำแม่น้ำโก-ลก ให้เสร็จโดยเร็ว พร้อมกำชับให้เฝ้าระวังจุดเสี่ยงในช่วงที่เป็นรอยต่อของงานก่อสร้าง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำหลากในช่วงฤดูฝน ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำดำจากป่าพรุโต๊ะแดง ได้สั่งการให้วางแผน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำให้สะดวกมากขึ้น

สำหรับการปรับปรุงพนังกั้นน้ำแม่น้ำโก-ลก สืบเนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักสะสมในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโก-ลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและกัดเซาะพนังกั้นน้ำจนชำรุดเสียหาย เข้าท่วมพื้นที่ตลาดมูโนะ กรมชลประทาน จึงได้ดำเนินการซ่อมแซมและปรับปรุง โดยการปรับปรุงเสริมพนังกั้นน้ำ การเสริมคันกั้นน้ำ และก่อสร้างพนังกั้นน้ำแม่น้ำโก-ลก เพื่อเพิ่มความมั่นคงแข็งแรงของระบบฐานราก และป้องกันไม่ให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกและพื้นที่ชุมชน

ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำดำ บริเวณป่าพรุโต๊ะแดง กรมชลประทานได้ดำเนินการจัดจราจรน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำที่เกิดจากสภาพดินที่มีความเป็นกรดหรือดินเปรี้ยว ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูก ที่ไหลออกจากป่าพรุโต๊ะแดง โดยการระบายน้ำจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร พร้อมกันนี้ ยังได้วางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยการก่อสร้างขยายอาคารบริเวณจุดตัดกับถนนทางหลวง และขยายคลองระบายน้ำบริเวณจุดที่เป็นคอขวด ก่อนที่จะระบายออกสู่คลองระบายน้ำคลองลานและคลองปูยู