In Global

'อารามโค'รุกซื้อกิจการของ'เอสแม็กซ์' เตรียมบุกตลาดค้าปลีกอเมริกาใต้



ดาห์ราน ซาอุดิอาระเบีย, 19 กันยายน 2566-อารามโค (Aramco) บริษัทชั้นนำของโลกด้านพลังงานและเคมีแบบบูรณาการ ได้ตกลงที่จะซื้อหุ้นทั้ง 100% ในบริษัทเอสแม็กซ์ ดิสตริบูซิออน (Esmax Distribusción SpA) หรือ "เอสแม็กซ์" จากเซาเทิร์น ครอส กรุ๊ป (Southern Cross Group) ซึ่งเป็นบริษัทหุ้นนอกตลาดที่เน้นตลาดลาตินอเมริกา ข้อตกลงดังกล่าวอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามธรรมเนียมบางประการ รวมถึงการอนุมัติตามกฎระเบียบ

เอสแม็กซ์เป็นผู้ค้าปลีกเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นระดับปลายน้ำอันดับต้น ๆ ของชิลี โดยมีการทำธุรกิจครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งสถานีบริการเชื้อเพลิง การดำเนินงานที่สนามบิน สถานีจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และโรงงานผสมน้ำมันหล่อลื่น

การที่อารามโคมีแผนเข้าซื้อกิจการของเอสแม็กซ์ ถือเป็นการลงทุนด้านการค้าปลีกขั้นปลายน้ำครั้งแรกของอารามโคในอเมริกาใต้ โดยตระหนักถึงศักยภาพและความน่าดึงดูดของตลาดเหล่านี้ ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนกลยุทธ์ของอารามโค ในการเสริมสร้างห่วงโซ่คุณค่าขั้นปลายน้ำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การดำเนินการนี้จะช่วยให้อารามโคมีช่องทางรองรับผลิตภัณฑ์กลั่นของอารามโคเอง และช่วยขยายธุรกิจค้าปลีกในระดับสากล การซื้อกิจการดังกล่าวยังจะช่วยปลดล็อกโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ สำหรับน้ำมันหล่อลื่นแบรนด์วาโวลีน (Valvoline) หลังจากที่อารามโคเข้าซื้อธุรกิจผลิตภัณฑ์ระดับโลกของวาโวลีน อิงค์ (Valvoline Inc.) ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566

โมฮัมเหม็ด วาย อัล กาห์ตานี ( Mohammed Y. Al Qahtani) ประธานฝ่ายธุรกิจปลายน้ำของอารามโค กล่าวว่า "ข้อตกลงนี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในกลยุทธ์ของเรา ในการขยายธุรกิจปลายน้ำของอารามโคไปทั่วโลก และขยายธุรกิจค้าปลีก น้ำมันหล่อลื่น และการค้าของเรา เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่ข้อตกลงนี้มอบให้ โดยเป็นการผนึกกำลังกับระบบการค้าและการผลิตที่กว้างขวางของเรา นอกจากนี้ ยังสร้างแพลตฟอร์มรองรับการเปิดตัวแบรนด์อารามโคให้กว้างขวางมากขึ้นทั้งในชิลีและอเมริกาใต้ ซึ่งปลดล็อกศักยภาพที่สำคัญในการใช้ประโยชน์จากตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ของเรา โดยเอสแม็กซ์เป็นธุรกิจที่ดำเนินการมาเป็นอย่างดีในประเทศชิลี โดยมีประสบการณ์มากกว่า 100 ปี พร้อมด้วยสินทรัพย์ที่มีคุณภาพและศักยภาพในการเติบโต เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้บุคลากรที่โดดเด่นของเอสแม็กซ์มาร่วมงานกับครอบครัวอารามโค ในขณะที่เราดำเนินการตามกลยุทธ์ระดับปลายน้ำของเราต่อไป"