In Bangkok

กทม.รุกพิจารณาเยียวยาผลกระทบลูกจ้าง สำนักการระบายน้ำไม่ได้ต่อสัญญาจ้าง



กรุงเทพฯ-นายสุราษฎร์ เจริญชัยสกุล ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) กทม.กล่าวกรณีกลุ่มลูกจ้างโครงการของสำนักการระบายน้ำ กทม.ร้องเรียนไม่ได้รับการต่อสัญญา โดยได้รับแจ้งไม่มีงบประมาณและอัตราจ้าง แต่พบว่ายังเปิดรับพนักงานใหม่มาทดแทนว่า กรุงเทพมหานครมีการจ้างลูกจ้างชั่วคราวที่ปฏิบัติงานตามโครงการ ซึ่งเป็นรูปแบบการจ้างตามข้อบัญญัติ กทม.เรื่อง ลูกจ้าง พ.ศ.2535 ภายหลังบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานคร และบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2554 และข้อบังคับ กทม.ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลของลูกจ้างกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2562 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงนิยามและความหมายของลูกจ้าง กทม.ส่งผลกระทบต่อสถานะและสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างชั่วคราวที่ปฏิบัติงานตามโครงการ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ก.ก.) ได้ปรับเปลี่ยนสถานะของลูกจ้างชั่วคราวที่ปฏิบัติงานตามโครงการเป็นรูปแบบการจ้างอื่น ๆ แล้ว แต่ยังคงเหลือลูกจ้างชั่วคราวที่ปฏิบัติงานตามโครงการอยู่เฉพาะในสังกัดของ สนน.โดยลูกจ้างดังกล่าวเป็นผู้ปฏิบัติงานขับเคลื่อนภารกิจหลักและภารกิจสนับสนุนทั้งด้านการระบายน้ำและด้านการป้องกันน้ำท่วม ซึ่งมีภารกิจตลอดทั้งปี รวมถึงปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันกับลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวตำแหน่งพนักงานทั่วไป

นอกจากนี้ สนน.พิจารณาคัดเลือกลูกจ้างชั่วคราวที่ปฏิบัติงานตามโครงการที่เหลืออยู่และไม่ได้รับการสั่งจ้างและแต่งตั้งเป็นลูกจ้างชั่วคราวประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 มาสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นลูกจ้างชั่วคราวทดแทนกรอบอัตรากำลังลูกจ้างประจำของส่วนราชการในสังกัด สนน.ที่ว่างเนื่องจากการเกษียณอายุราชการในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยขออนุมัติจ้างบุคคลจากโครงการเดิมที่ได้รับอนุมัติให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจ้างตามกรอบที่ได้รับอนุมัติในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สนน.จำนวน 60 คน ได้แก่ กลุ่มงานบำรุงรักษาคลอง 1 จำนวน 14 อัตรา กลุ่มงานบำรุง รักษาคลอง 2 จำนวน 12 อัตรา กลุ่มงานบำรุงรักษาคลอง 3 จำนวน 25 อัตรา กลุ่มงานบำรุงรักษาคลอง 4 จำนวน 9 อัตรา ตามกรอบอัตรากำลังที่ได้รับอนุมัติ โดยกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจากประสิทธิภาพการทำงาน อายุตัว อายุราชการ วันลา มาสาย วินัย และพฤติกรรมการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ซึ่งผู้ร้องปฏิบัติงานในสังกัดกลุ่มงานบำรุงรักษาคลอง 3 มีลูกจ้างชั่วคราวโครงการ 63 คน แต่ต้องปรับลดให้เป็นไปตามกรอบอัตรากำลังที่ได้รับการจัดสรรให้เหลือ 25 คน และต้องสิ้นสุดการจ้าง 38 คน ดังนั้น เพื่อเยียวยาให้จำนวนบุคคลที่จะถูกเลิกจ้างมีจำนวนน้อยที่สุด จึงจำเป็นต้องพิจารณาให้ลูกจ้างบางรายของกลุ่มงานบำรุงรักษาคลอง 3 ย้ายไปสังกัดกลุ่มงานบำรุงรักษาคลอง 1, 2 และ 4 ของกองระบบคลอง ซึ่งมีลักษณะงานเหมือนกัน อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน และเพื่อบริหารอัตรากำลังตามกรอบอัตรากำลังที่ได้รับอนุมัติในแต่ละกลุ่มงาน โดยคณะกรรมการฯ ได้วางแนวทางว่า จะพิจารณาจากความสมัครใจ ภูมิลำเนา ความสะดวกในการเดินทาง เป็นต้น

สำหรับกรณีผู้ร้องเห็นว่า มีการเรียกบุคคลอื่นมาปฏิบัติงานแทนตนนั้น ข้อเท็จจริงเป็นการเรียกบุคคลจากบัญชีสอบตามประกาศ สนน.ลงวันที่ 15 ก.พ.66 ซึ่งเป็นบัญชีเปิดรับสมัครลูกจ้างชั่วคราวตามข้อบังคับ กทม.ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรบุคคลของลูกจ้าง กทม. พ.ศ.2562 เนื่องจากกองระบบคลองมีอัตราลูกจ้างที่ว่างจากการเกษียณอายุราชการในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2565 และได้รับการคืนกรอบอัตรากำลังลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งบัญชีดังกล่าวมีอายุ 2 ปี สนน.จะจ้างและแต่งตั้งบุคคลจากบัญชีนี้ตามลำดับ มิใช่เป็นการจ้างลูกจ้างชั่วคราวทดแทนลูกจ้างที่ปฏิบัติงานตามโครงการที่ผู้ร้องปฏิบัติอยู่แต่อย่างใด ซึ่งในบัญชีสอบดังกล่าวมีทั้งบุคคลภายนอกและลูกจ้างชั่วคราวที่ปฏิบัติงานตามโครงการเดิมของ สนน.ที่มาสมัครสอบและผ่านการคัดเลือกขึ้นบัญชีไว้ หากสอบได้จะต้องถูกย้ายไปปฏิบัติงานที่พื้นอื่นที่ว่างอยู่ตามลำดับของบัญชีสอบ จึงมีบางส่วนไม่ประสงค์สมัครตามโครงการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สนน.ได้มีมาตรการภายใน เพื่อรองรับการถูกเลิกจ้างของลูกจ้างที่ปฏิบัติงานตามโครงการดังกล่าว โดยมีแนวทางที่จะให้ลูกจ้างของกลุ่มงานบำรุงรักษาคลอง 3 ถูกเลิกจ้างจำนวนน้อยที่สุด ปัจจุบัน สนน.ได้มีหนังสือประสานสำนักงาน ก.ก.ขอทบทวนมติ ก.ก.และขอคืนกรอบอัตรากำลังลูกจ้างชั่วคราวตำแหน่งพนักงานทั่วไปของ สนน.ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เพื่อเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกจ้างที่จะถูกเลิกจ้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงาน ก.ก.พิจารณาดำเนินการ