In News
รมว.อ้วนควงรมช.พาณิชย์ถกภาคเอกชน เน้นบริหารธุรกิจสมดุลอยู่ได้ทั้งใหญ่-เล็ก
นนทบุรี-ภูมิธรรมควง2รัฐมนตรีช่วยประชุมร่วมข้าราชการกับภาคเอกชน กำหนดโยบาย เน้นการทำธุรกิจแบบให้เกิดความสมดุล ธุรกิจเล็กก็อยู่ได้ ธุรกิจใหญ่ก็ก้าวหน้า พร้อมกำหนดบทบาทใหม่ให้ส่วนราชการของกระทรวง โดยพาณิชย์จังหวัดเป็นพัฒนาผู้ผลิตสินค้าและฑูตฯพาณิชย์ในต่างประเทศ เป็นผู้หาตลาดส่งออก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานใน “การประชุมหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับภาคเอกชน”พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันพุธที่ 27 กันยายน 2566 เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์การประชุมมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบสถานการณ์และทิศทางการค้า รวมทั้งประเด็นปัญหาและข้อเสนอของภาคเอกชน อาทิ การเร่งรัดเจรจา FTA เพื่อขยายโอกาสการค้าและการลงทุนของไทย การอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจแก่ภาคเอกชน การจัด Campaign สนับสนุนสินค้าไทย เป็นต้น
โดยการประชุมดังกล่าวมีผู้แทนจากภาคเอกชนเข้าร่วมการประชุม จำนวน 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมผู้ค้าปลีกไทย พร้อมกันนี้ได้เชิญผู้บริหารของหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) และผู้แทนสำนักงานพาณิชย์จังหวัด (สพจ.) ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศไทย เข้าร่วมรับฟังข้อเสนอจากภาคเอกชน
การประชุมครั้งนี้เป็นหนึ่งในแนวทางการดำเนินงานตามนโยบาย ของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทั้งในด้าน “บริหารให้เกิดความสมดุล” โดยการสร้างดุลยภาพของทุกภาคส่วนทั้งประชาชน ผู้บริโภค เกษตรกร ผู้ผลิต และผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ให้ทุกฝ่ายสามารถดำรงชีวิต ดำเนินธุรกิจไปได้ สร้างผลประโยชน์ที่ได้รับด้วยกันทุกฝ่าย ตลอดจนการเชื่อมโยงภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างโอกาสและขยายช่องทางการตลาดใหม่ ๆ และคาดหวังผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับนโยบายด้าน “ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” เน้นการรดน้ำที่ราก ดูแลคนตัวเล็ก ต่อไปอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเป็น “การทำงานเชิงรุก และบูรณาการการทำงานร่วมกันของพาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์” ให้ร่วมงานกันได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยพาณิชย์จังหวัดถือเป็นหน้าด่านของกระทรวงพาณิชย์ ในการรับทราบและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที และทูตพาณิชย์ที่ผู้เชื่อมโยงสินค้าและบริการของไทยกับความต้องการของผู้บริโภคในต่างประเทศ ทำให้ขยายการส่งออกและผู้ประกอบการไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นร่วม อันจะเป็นการกระตุ้นและยกระดับเศรษฐกิจการค้าไทยให้เติบโตได้ต่อเนื่อง