Think In Truth
กมฺมุนา วตฺตตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไป..? โดย ฟอนต์ สีดำ
คำว่า “กรรม” แปลว่า การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา ได้แก่ กายกรรมคือ การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนาทางกาย วจีกรรม คือ การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนาทางวาจา และมโนกรรม คือ การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนาทางใจ กรรมทั้ง 3 มีจุดกำเนิดกรรมมาจากจิต ที่ได้รับอิทธิพลมาจากผัสสะ6 คือ 1.จักขุสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางตา คือ ตา+รูป+จักขุวิญญาณ 2.โสตสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางหู คือ หู+เสียง+โสตวิญญาณ 3.ฆานสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางจมูก คือ จมูก+กลิ่น+ฆานวิญญาณ 4.ชิวหาสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางลิ้น คือ ลิ้น+รส+ชิวหาวิญญาณ 5.กายสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางกาย คือ กาย+โผฏฐัพพะ(เช่น ร้อน เย็น อ่อน แข็ง)+กายวิญญาณ 6.มโนสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางใจ คือ ใจ+ธรรมารมณ์(สิ่งที่ใจนึกคิด)+มโนวิญญาณ แล้วผัสสะทั้ง 6 หรืออายตน จะเกิดการเคลื่อนกระบวนการประมวลผลของชีวิตแบบอัตโนมันติ Automotive Processor ที่เรียกว่า ขันธ์ 5 ที่จะประกอบไปด้วย รูป เวนา สังขาร และวิญญาณ ซึ่งหากชีวิตปล่อยไปตามการเวียนว่าย ตาย เกิด ในวัฏสงสารของกระบวนการของขันธ์ 5 จิตก็จะถูกฉุดจิตลงที่ต่ำด้วยกิเลส ดังนั้นการที่จะพิจารณาทวนกระแสจิตฝ่ายต่ำ จึงจำเป็นต้องพิจารณาด้วยหลักปฏิจจสมุปบาท ด้วยการปฏิบัติตามหลักโยนิโสมนสิกา ด้วยกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องด้วยมรรค
วันนี้มาแนวเจ้าอาวาสวัดป่าช้าเลย....มันอาจจะเข้าใจยากสักหน่อย แต่มันเป็นตรรกะที่สำคัญ ที่คนเราอยู่ใกล้แต่ไม่ได้ใช้กระบวนการคิดที่ถูกต้อง สิ่งที่เกิดขึ้น จึงเกิดมาจากกรรมที่เคยกระทำกันไว้ก่อน เมื่อได้รับผลแห่งกรรมแล้วก็จะทำให้เราตัดสินใจกระทำเพื่อก่อกรรมใหม่ การตัดสินใจที่จะกระทำหลังจากได้รับจากผลกรรมเก่า จะก่อกรรมที่จะส่งผลต่ออนาคต ซึ่งทำให้คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ประเทศไอซ์แลนด์ ในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นที่นิยมของคนท้องถิ่น และมีชื่อเสียงในประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้เป็นคนไทย ที่เปิดธุรกิจอาหารแห่งนี้มานานแล้ว
เจ้าของร้านแห่งนี้เคยชื่นชอบคุณหมอท่านหนึ่งที่มีลักษณะที่เป็นตัวของตัวเอง เป็นคนที่แต่งกายตามใจที่ตนชอบโดยไม่แคร์สายตาใครๆ ในวัยเด็กของเจ้าของธุรกิจร้านอาหารแห่งนี้ชื่นชอบและยึดคุณหมอท่านนี้เป็นไอดอล แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้เห็นการกระทำที่คุณหมอแสดงออกในสิ่งที่ขัดต่อหลักของเสรีภาพ ไม่เคารพต่อความคิดของสาธารณะ ยอมรับใช้อิทธิพลที่เป็นเผด็จการ ทำให้เจ้าของธุรกิจแห่งนี้เกิดความคิดที่ขัดแย้ง และปฏิเสธคุณหมอท่านนี้ จนถึงขั้นไม่ยอมรับ ไม่ต้อนรับ ไม่มีไมตรี
วันหนึ่งคุณหมอท่านนี้ซึ่งอยู่ในสถานะเป็นวุฒิสมาชิกได้เดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนักการเมืองที่ประเทศไอซ์แลนด์ โดยไม่เข้าประชุมสภา ตามหน้าที่ที่ได้รับ เมื่อไปถึงประเทศไอซ์แลนด์ก็ออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ มีครั้งหนึ่งเข้าไม่ได้ปฏิบัติตามกฏของท้องถิ่น ทั้งที่เขาเขียนป้ายห้ามไว้แล้ว เขายังขึ้นไปเหยียบลาวามอส และนอนทับเพื่อถ่ายภาพมาอวดช่วโลก ซึ่งตัวเขาเองก็เคยเรียกร้องให้คนรุ่นใหม่ปฏิบัติตามกฏหมาย หรือระเบียบทางสังคม แต่ตัวของเขาเองเป็นคนประพฤติแหกกฏเสียงเอง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นที่เขียนในวันนี้
เรื่องที่เขียนคือ มีช่วงเวลาหนึ่ง เขาได้ไปรับประทานอาหารในร้านอาหารของายผู้ที่เคยชื่นชอบเขา พอเจ้าของร้านอาหารรู้ว่า คุณหมอเข้ามาทานอาหารที่ร้านของเขา เขาก็รีบมาที่ร้านอาหารของเขา พร้อมทั้งออกปากขับไล่คณหมอออกจากร้าน โดยไม่ยินดีที่จะต้อนรับและให้บริการ
ว่าก็ว่านะ แม้แต่เราซึ่งเป็นคนธรรมดา ตั้งใจจะไปอุดหนุนคนไทยด้วยกัน ตั้งใจจะไปทานอาหาร แล้วถูกขับไล่ออกมาจากร้าน เรายังมีความรู้สึกช็อค และไม่ชอบใจเลย แต่นี่ทั้งคณะเป็นคนระดับชั้นนำของประเทศ หรือที่เรียกกันติดปากว่าเป็นคนชั้น Elite ไหนจะไม่ได้ทานอาหาร ไม่ได้ไมตรีที่ตั้งใจจะไปอุดหนุน แล้วยังเสียหน้า เสียความรู้สึก และกลายเป็นข่าวที่กระจายไปทั้งโลก โดยเฉพาะคนในประเทศที่จะมีเจคติไม่ดีที่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม โดยเฉพาะท่าน สส.จังหวัดลพบุรี ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งในครั้งต่อไป เพราะประชาชนในเขตเลือกตั้งก็ต้องมีความรู้สึกทางลบที่เลือก สส. ที่ไม่ทำหน้าที่เพื่อคนในเขตเลือกตั้งของตน
จากประเด็นดังกล่าว จึงทำให้คิดต่อไปว่า ถ้ากลุ่มนักการเมืองของคุณหมอ รวมทั้งคุณหมอด้วย กลับมาแล้ว จะทำอะไรต่อ เพราะประเด็นที่ทำอะไรต่อ นั้นคือสิ่งที่จะก่อกรรมใหม่ ซึ่งจะเป็นวัฏจักรของกรรมไปเรื่อยๆ กรรมที่จะเกิดขึ้นใหม่นั้น จะเป็นกรรมดี หรือกรรมไม่ดี ก็ขึ้นอยู่ที่ทีมคุณของคุณหมอเอง แต่ถ้าจะถามความเห็นของผู้เขียนเอง ผู้เขียนจะยึดหลัก “อเวเรน จ สมฺมนฺติ” ถึงมันจะขัดกับความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นด้วยกิเลสแห่งความแค้น หากเราเอาชนะกิเลสแห่งความโกรธแค้นนั้นได้ มันคือความสุขอันนิรันดร์ ก็ขึ้นอยู่กับคณะท่องเที่ยวของคุณหมอนะครับ เป้นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น