Health & Beauty

'ภัยมืดอยู่ใกล้ตัว'ระวัง!เก๊าท์กัดกินกระดูก! อันตรายต่อสุขภาพที่มองไม่เห็น



สงขลา-”ภัยมืด” เก๊าท์กัดกินกระดูก !! อันตรายที่มองไม่เห็น น.พ. สุนทร ศรีสุวรรณ์ อาจารย์แพทย์ กลุ่มงานศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลศูนย์หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่  จ. สงขลากล่าวถึง   อันตรายจากโรคเก๊าท์  โดยเผยเคสผู้ป่วยรายหนึ่ง ดังนี้

" ผู้ป่วยชาย อายุ 40 ปี  มีประวัติเป็นโรคเก๊าท์ แต่ไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ทานยาใดๆผู้ป่วยมีอาการปวดข้อต่อบริเวณมือเรื้อรังมา 2 ปี ไม่สามารถ ใช้งานมือได้อย่างปกติ  กำสิ่งของแน่นๆไม่ได้ตรวจร่างกายพบก้อนผลึกเก๊าท์บริเวณหลังมือ  บริเวณ กระดูกฝ่ามือนิ้วกลาง และนิ้วก้อย [ ดูภาพประกอบ ]เอกซเรย์ กระดูกฝ่ามือ ตรวจพบ  ก้อนผลึกเก๊าท์ กัดทำลาย หัวกระดูกฝ่ามือของนิ้วกลางและนิ้วก้อย อย่างรุนแรง  จนหัวกระดูกฝ่ามือหายไปบางส่วน [ ดูภาพประกอบ ]จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยมีอาการปวดเรื้อรังมาอย่างยาวนาน  กำมือไม่ได้ และหากปล่อยไว้นานกว่านี้ อาจทำให้เกิดความพิการอย่างถาวรได้ในอนาคตได้ "

นพ.สุนทร ศรีสุวรรณ์  กล่าวว่า โรคเก๊าท์  เป็น 1 ในโรคข้อที่พบบ่อย โดยเฉพาะในผู้ชาย อายุ 30 ปีขึ้นไป  และ ในผู้หญิง โดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือนสาเหตุของโรคเก๊าท์ เกิดจากการมีปริมาณกรดยูริคในเลือดเข้มข้นสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน  เกิดเป็นผลึกสะสม ในข้อ หรือเนื้อเยื่อรอบๆข้อ กระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบปวดบวมข้ออย่างรุนแรง ในผู้ป่วยบางราย อาจพบมีอาการไข้ร่วมด้วย 

อาการอักเสบจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมง  สามารถเกิดได้กับทุกข้อ   มักตรวจพบที่ โคนกระดูกนิ้วโป้งเท้า ข้อเท้า ข้อเข่า และข้อศอกในผู้ป่วยบางรายที่ ไม่ได้รับการรักษา อย่างถูกต้อง จะเกิดผลึกกรดยูริค สะสมในข้อต่อ  เมื่อเวลาผ่านไป  ผลึกจะทำลายข้อต่อ  และเนื้อเยื่อหุ้มข้อ ส่งผลให้เกิดข้อเสื่อม  ,  ข้อผิดรูป ก่อนเวลาอันควร

นอกจากนี้ ผลึกกรดยูริค สามารถสะสม ในอวัยวะภายใน อาทิเช่น  ทำให้เกิดนิ่วในไต และอาจทำให้เกิด ภาวะไตวายได้ ในอนาคตปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ
1.การรับประทานอาหารที่มีกรดยูริคสูง เช่น สัตว์ปีก , เครื่องในสัตว์  ,  หน่อไม้   ,  ยอดผักอ่อน และ ผักตระกูลแตง ทุกชนิด , เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ,น้ำอัดลม ,ของหมักดอง , ถั่วชนิดต่างๆ
2.การบาดเจ็บที่บริเวณข้อต่อ
3.การเจ็บป่วยที่กระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์เพิ่มขึ้นเช่น โรคมะเร็ง โรคสะเก็ดเงิน การผ่าตัด
4.การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันในกลุ่มที่เพิ่มการขับออกของปัสสาวะ   , ยาฮอร์โมนเพศหญิง
การวินิจฉัยโรค
1 .เจาะเลือดตรวจดูระดับกรดยูริค
2 .เจาะน้ำในข้อที่มีการอักเสบ มาตรวจผลึกกรดยูริค
3 .เอกซเรย์ข้อต่อ ค้นหา ก้อนผลึกกรดยูริค ที่ตกตะกอนอยู่บริเวณข้อ และ ตรวจหาการทำลายกระดูก
การรักษาโรคเก๊าท์
1.ควบคุมการรับประทานอาหารอย่างเคร่งครัด
2. กรณีที่มีอาการข้ออักเสบเฉียบพลัน แพทย์จะพิจารณาให้ยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์  , ยาแก้ปวด , ประคบเย็น   ดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อหวังผลช่วยขับกรดยูริคออกทางปัสสาวะ
3.พักการใช้งานข้อที่เกิดการอักเสบ อย่างเต็มรูปแบบ บางกรณีแพทย์อาจพิจารณาใส่อุปกรณ์ ประคองข้อ เพื่อลดการเคลื่อนไหวของข้อต่อนั้นๆ
4. พิจารณา ให้ยาลดกรดยูริคในเลือด เพื่อหวังผล โอกาส อักเสบเฉียบพลันอีกในอนาคต
5. เอกซเรย์ประเมิน สภาพข้อต่อและกระดูก ตรวจหา การทำลายกระดูกจาก ก้อนผลึก กรดยูริค 

ในกรณีที่ กรดยูริค ทำลายข้อต่อและเนื้อเยื่อรอบข้อต่อมาก แพทย์อาจพิจารณาทำการผ่าตัด นำก้อนผลึกเก๊าท์ออก  ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เส้นเอ็นและกระดูกที่ถูกทำลาย
6. หมั่นตรวจติดตาม ระดับกรดยูริคในเลือด ตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นัดทุกครั้ง  และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
โดยหวังผลควบคุมระดับกรดยูริค ปกติหาความรู้ได้เพิ่มเติมที่www.thedoctorbone.com

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา