Health & Beauty

แอสตร้าเซนเนก้า-กทม.เซ็นความร่วมมือ โครงการDon’t Wait. Get Checked.



กรุงเทพฯ-บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ กรุงเทพมหานครลงนามความร่วมมือต่อยอดโครงการ “Don’t Wait. Get Checked.”มุ่งขยายการเข้าถึงบริการและการรักษาทางการแพทย์ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดเบื้องต้นด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วกรุงเทพมหานครโดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวเปิดงาน ณสำนักการแพทย์กรุงเทพมหานคร

โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ1 ในประเทศไทยที่มีอัตราการเสียชีวิตกว่า80,000คน[1]ต่อปีโดยมีมะเร็งปอดเป็นสาเหตุอันดับต้นของการเสียชีวิต โรคมะเร็งปอดเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคมะเร็งที่ผู้ป่วยมักตรวจพบในระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายส่งผลให้การรักษาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรดังนั้นการนำเทคโนโลยีAI  มาช่วยพัฒนาการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปอดเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ด้วยเหตุนี้ แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย จึงสานต่อการดำเนินงานภายใต้โครงการ “Don’t Wait. Get Checked.”โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดเบื้องต้นไปแล้วกว่า 7,000 รายในจำนวนดังกล่าว มีผู้ป่วยที่ตรวจพบรอยโรคที่สงสัยก้อนในปอด 586 ราย คิดเป็นร้อยละ 8 และพบรอยโรคที่สงสัยก้อนในปอดที่มีโอกาสความน่าจะเป็นในการเป็นโรคมะเร็งปอดสูง ถึงร้อยละ 0.3 อีกด้วย

A person standing at a podium with a microphone and flowersDescription automatically generated

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การสร้างสุขภาพที่ดีระบบสาธารณสุขที่ดีและลดผลกระทบด้านสุขภาพให้กับประชาชนถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญ โดยเรามีความตั้งใจที่จะยกระดับบริการด้านสาธารณสุขด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ ซึ่งโครงการ Don’t Wait. Get Checked.จากแอสตร้าเซนเนก้า ที่นำเทคโนโลยีAI มาเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดเบื้องต้นได้ตอบโจทย์และส่งผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมในการสนับสนุนนโยบายของ กทม. ภายใต้โครงการ Bangkok Health Zoningผ่านการทำ Preventive Urban Medicine (การป้องกันโรคสำหรับคนในเขตเมือง) เพื่อส่งเสริม ป้องกัน แก้ไขความเสี่ยงที่เป็นภัยคุกคามทางสุขภาพ และส่งเสริมความรู้ให้ชุมชนในระดับเส้นเลือดฝอยซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำให้ทุกคนสามารถเข้าสู่การรักษาได้อย่างรวดเร็วและเท่าเทียมยิ่งขึ้นซึ่งผลการศึกษาจากการทำวิจัยในโครงการฯ นี้ ทางกรุงเทพฯ จะนำมาพิจารณาเพื่อนำไปสู่นโยบายสุขภาพของกรุงเทพฯ อีกต่อไปอนาคต”

ความร่วมมือระหว่างแอสตร้าเซนเนก้าประเทศไทยและกรุงเทพมหานคร ครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อเป้าหมายในการเพิ่ม ‘อัตราการรอดชีวิตห้าปี’ของผู้ป่วยให้เป็นสองเท่าภายในพ.ศ. 2568 ของLung Ambition Alliance(LAA)ที่เกิดขึ้นร่วมกันระหว่างภาคีพันธมิตรระดับนานาชาติ 4 องค์กร ได้แก่แอสตร้าเซนเนก้าGlobal Lung Cancer Coalition (GLCC) Guardant Health และ International Association for the Study of Lung Cancer (IASLC) มีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนการบรรลุพันธกิจใน 50 ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย เพื่อศึกษาทำความเข้าใจถึงวิวัฒนาการของโรค พัฒนาเทคนิคระดับก้าวหน้าในการดูแลรักษาโรคมะเร็งปอด ผ่านการส่งเสริมการตรวจคัดกรองเบื้องต้นสำหรับโรคมะเร็งปอดเพื่อเพิ่มโอกาสในการตรวจพบในระยะเริ่มต้นให้มีประสิทธิภาพด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยได้มีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

A person standing at a podium with a microphoneDescription automatically generated

นายโรมัน รามอส ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทยกล่าวว่า“แอสตร้าเซนเนก้ามุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยผ่านการนำความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มาต่อยอดและพัฒนาการดูแลสุขภาพของประชาชน ชุมชน และโลกอย่างยั่งยืน ซึ่งโรคมะเร็งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคหลักที่เราให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง โดยเราได้ค้นคว้า คิดค้น และสนับสนุนนวัตกรรมที่จะมาช่วยยกระดับประสิทธิภาพการตรวจวินิจฉัยโรคในระยะเริ่มต้นผ่านการใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับเส้นทางสาธารณสุขของประเทศไทยในปัจจุบันที่ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมและก้าวไปสู่การดูแลสุขภาพแบบดิจิทัลจากความร่วมมือในครั้งนี้ เราตั้งเป้าหมายที่จะทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดเบื้องต้นแก่ประชาชนกว่า 500,000 รายให้ได้ภายในปี 2567เพื่อเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตให้แก่ผู้ป่วยต่อไป”

เทคโนโลยี AI หรือซอฟต์แวร์“qXR” ที่นำมาติดตั้งในโครงการนี้ ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Qure.ai บริษัทผู้พัฒนาโซลูชันAI ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรของแอสตร้าเซนเนก้าที่สนับสนุนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยพัฒนาการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้น  ซึ่งโซลูชันนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อเป็นเครื่องมือแพทย์ปัญญาประดิษฐ์ ที่นำความสามารถในการเรียนรู้เชิงลึกมาระบุความผิดปกติจากภาพถ่ายเอกซเรย์ปอดได้สูงสุด29 รายการ รวมไปถึงการระบุขนาดและตำแหน่งของก้อนเนื้อ หรือร่องรอยอาการที่อาจบ่งชี้โรคมะเร็งปอดได้อย่างแม่นยำ

นายปราชานต์ วอร์ริเออร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Qure.ai กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีAI อันล้ำสมัยของQure หรือ“qXR” เพื่อวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์ทรวงอกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมคัดกรองเบื้องต้นเพื่อระบุความเสี่ยงมะเร็งปอด โดยจะมีบทบาทสำคัญในการตรวจหาก้อนเนื้อในปอดซึ่งอาจเป็นตัวบ่งชี้มะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นได้เมื่อมีการระบุก้อนเนื้อที่น่าสงสัยในปอดแล้ว ผู้ป่วยจะได้เข้ารับการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ทันที เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมและวางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที”

รายละเอียดจุดคัดกรองเคลื่อนที่ และโรงพยาบาลในเครือของกรุงเทพมหานคร

  1. โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
  2. โรงพยาบาลสิรินธร
  3. โรงพยาบาลราชพิพัฒน์
  4. โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ชุตินฺธโรอุทิศ
  5. โรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร
  6. หน่วยตรวจสุขภาพเคลื่อนที่สำนักอนามัย

และอีกหลายโรงพยาบาลภายใต้กรุงเทพมหานครอีกในอนาคต