In News
นายกฯยืนยันชัดเจน'ไม่ยกเลิกเงินดิจิทัล' ชี้เป็นทุนคนจน/หลังตรวจงานที่ร้อยเอ็ด
ร้อยเอ็ด-นายกรัฐมนตรีเดินสายต่อจังหวัดร้อยเอ็ดเยี่ยมโครงการบำบัดผู้ติดยาเสพติด “หัวโทนโมเดล” จ.ร้อยเอ็ด ชื่นชมความสำเร็จ ยกเป็นต้นแบบความเข้มแข็ง และการมีส่วนร่วมของชุมชน สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ยืนยัน จะไม่มีการยกเลิกโครงการเงิน Digital Wallet ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย นำไปลงทุนประกอบอาชีพ หวังให้เศรษฐกิจกลับฟื้นขึ้นมา
วันนี้ (7 ต.ค.66) เวลา 15.00 น. ณ ณ สถานีตำรวจภูธรหัวโทน ตำบลหัวโทน อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังการตรวจเยี่ยมโครงการบำบัดผู้ติดยาเสพติด ว่า จากการลงพื้นที่ได้มีพี่น้องประชาชนแสดงเจตจำนงว่าอยากได้โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่มีนักวิชาการหลายท่านไม่เห็นด้วย มีการขอร้องให้ยกเลิก ตนยืนยันตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลนี้ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับเรื่องของเงิน Digital Wallet ได้มีการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำทั้งหลายจากทุก ๆ หน่วยงาน รวมถึง ในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ รัฐบาลได้รับฟังความคิดเห็นนำไปพิจารณาปรับปรุงแต่งเติมให้ทุกอย่างดูดีขึ้น แต่ไม่มีการยกเลิก ยืนยันว่าโครงการเงิน Digital ไม่ใช่เป็นโครงการหาเสียง ไม่ใช่โครงการที่มาโปรยเงินเพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับมาเลือกตั้งใหม่ เป็นโครงการที่ตระหนักดีถึงความจำเป็นของพี่น้องประชาชนที่มีความต้องการความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ได้เข้ามาบริหารงานประมาณ 1 เดือน เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่สำคัญ ประชาชนมีขวัญและกำลังใจในการไปทำมาหากินประกอบอาชีพ มีการลดค่าไฟฟ้า ลดค่าพลังงานเชื้อเพลิงหรือน้ำมันดีเซลก็ต่ำกว่า 30 บาท ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการพักหนี้เกษตรกรยืนยันเป็นเรื่องที่สำคัญต่อพี่น้องประชาชน อย่างที่ทราบกันดีว่า ประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายมากมาย จะทำอย่างไรให้ประชาชนกลับมามีขวัญและกำลังใจในการทำมาหากิน เราจะหาเงินทุนที่ไหน คนต่างจังหวัดไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนคนที่อยู่ฐานบนของสังคม ความเหลื่อมล้ำมีมากในสังคมไทย งบประมาณของเงิน Digital Wallet ประมาณ 5 แสนกว่าล้าน ไม่ใช่งบประมาณที่ทำทุกปี ขอทำความเข้าใจว่าทำแค่หนเดียว ไม่ใช่ตั้งใจออกมาว่าจะซื้อเสียง หรือทำโดนใจพี่น้องประชาชน ทำออกมาเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีเงินไปลงทุนในการประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติอย่างมีศักดิ์ศรี
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า น้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของนักวิชาการ แต่ท่านก็มีแค่ 1 เสียง แต่พี่น้องประชาชนอีกหลายสิบล้านคนที่ต้องการเงิน Digital เราน้อมรับฟัง และจะไปปรับปรุงเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเสียภาษี หรือฝ่ายพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อนอย่างมากจากปัญหาเศรษฐกิจที่หมักหมมมานาน ตรงนี้ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะไม่ลุล่วงอำนาจความคิดเห็น แต่เหนือสิ่งอื่นใดความลำบากของพี่น้องประชาชน การที่พี่น้องประชาชนขาดเงินทุนที่จะไปดำรงชีพ รัฐบาลให้ความสำคัญมากที่สุด ยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกโครงการเงิน Digital
นายกรัฐมนตรี กล่าววิงวอนนักวิชาการที่ได้แสดงความคิดเห็นกันมามาก ขอให้แสดงความคิดเห็นกันออกมาอีก นักวิชาการที่เห็นด้วยก็มี นายกฯ ในฐานะคนกลางตัวแทนพี่น้องประชาชนก็จะนำไปพิจารณาและนำไปปรับปรุงโครงการ Digital Wallet ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดให้โดนใจทุกคน พร้อมทั้งจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง โดยคาดว่าประมาณปลายเดือน ต.ค. นี้ จะออกมาได้ทุกอย่าง
ก่อนหน้านี้ นายกฯ เยี่ยมโครงการบำบัดผู้ติดยาเสพติด “หัวโทนโมเดล” จ.ร้อยเอ็ด ชื่นชมความสำเร็จ ยกเป็นต้นแบบความเข้มแข็ง และการมีส่วนร่วมของชุมชน สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน
วันนี้ (7 ตุลาคม 2566) เวลา 13.40 น. ณ บริเวณสถานีตำรวจหัวโทน อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมโครงการนาคาพิทักษ์ รักษ์ประชา (โครงการบำบัดผู้ติดยาเสพติด)
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดรายงานผลการดำเนินโครงการนาคาพิทักษ์ว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2555 พบสถิติการแจ้งเหตุผู้ป่วยจิตเวชลดลง และตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 - มกราคม 2566 ไม่มีการแจ้งเหตุผู้ป่วยจิตเวชอีกเลย ทั้งนี้ ก่อนดำเนินโครงการพบว่ามีผู้ป่วยจิตเวชในพื้นที่จำนวน 35 ราย โดยได้ทำการคัดแยกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มสีแดง จำนวน 6 ราย ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและนำส่งตัวรักษาโรงพยาบาลรักษาจิตเวช 2. กลุ่มสีเหลือง จำนวน 6 ราย และ 3. กลุ่มสีเขียว จำนวน 23 ราย ซึ่งทั้ง 2 กลุ่ม ได้นำเข้าสู่กระบวนการรักษาด้วยชุมชนและรักษาด้วยโรงพยาบาลสุวรรณภูมิ โดยให้ผู้ป่วยรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ให้ญาติผู้ปกครอง ทีมนาคาพิทักษ์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยติดตามอาการไม่ให้ผู้ป่วยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและของมึนเมา
นอกจากการรักษาดังข้างต้น ได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ผ่านแอพพลิเคชัน LINE เพื่อประมวลผลติดตาม กำกับ ดูแล และแจ้งเหตุ เพิ่มความสะดวกสบาย และความรวดเร็วง่ายแก่การควบคุม และเผชิญเหตุโดยจะให้ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่โครงการนาคาพิทักษ์ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกลุ่ม LINE เพื่อรายงานผลติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่ผู้ป่วยตื่นจนถึงผู้ป่วยนอนหลับ ซึ่งหากพบมีอาการผิดปกติ เช่น พฤติกรรมก้าวร้าว คุ้มคลั่ง ไม่ทานยา ทีมนาคาพิทักษ์จะเข้าไปดูแลผู้ป่วยทันที เพื่อกำกับ ป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยก่อเหตุ และทานยาอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเพื่อสร้างความมั่นใจ สร้างความเชื่อมั่นต่อญาติผู้ป่วย และประชาชน เพื่อเรียกศรัทธาต่อการดำเนินโครงการ ตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการ ทำให้ผู้ป่วยทุกคนกลายเป็นผู้ป่วยสีเขียว ใช้ชีวิตอยู่กับสังคมได้ สามารถทำงาน ใช้ชีวิตอยู่กับสังคมได้ตามปกติ ซึ่งปัจจุบันไม่มีสถิติการแจ้งเหตุผู้ป่วยจิตเวชในพื้นที่อีก ผลของความสำเร็จของการดำเนินโครงการเพราะความร่วมมือร่วมใจ และความเข้มแข็งของผู้ป่วย ผู้ปกครอง และสังคม ทำให้ชุมชนน่าอยู่ ปลอดผู้ป่วยจิตเวช
ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวทักทายพบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวแสดงความดีใจที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชน รัฐบาลมีนโยบายเปิดตลาดการค้าใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ และทำให้ประชาชนมีรายได้สุทธิต่อครัวเรือนสูงขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า รัฐบาลตระหนักดีว่าประชาชนประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นภาวะหนี้สินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่ผ่านมารัฐบาลได้ประกาศพักชำระหนี้ทั้งต้นและดอก รวมถึงประกาศลดราคาน้ำมันดีเซล ลดค่าน้ำค่าไฟ เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน ทำให้มีกำลังใจในการทำมาหากิน
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมการแก้ไขปัญหายาเสพติดของสถานีตำรวจหัวโทน ยกให้เป็นต้นแบบการบริหารจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ประสบความสำเร็จ พร้อมชื่นชมความเข้มแข็งของผู้ป่วย ผู้ปกครองและชุมชนที่มีความเข้มแข็งร่วมมือแก้ไขปัญหา หวังให้โครงการฯ ขยายผลไปยังชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศนำไปปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างยืน พร้อมกับกล่าวย้ำให้ส่วนราชการเป็นเสาหลักบูรณาการทำงานร่วมมือกับชุมชน บริหารจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการแก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อมกับพบปะให้กำลังใจผู้ป่วยยาเสพติดที่ทำการรักษาแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงสาเหตุของการเข้าไปเสพยา พร้อมสอบถามอาการต่าง ๆ โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ผู้ป่วยเข้มแข็ง มีกำลังใจที่ดี กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ อย่าหันกลับไปใช้ยาเสพติดอีก