Think In Truth

ล้มตั๋ว digital wallets เท่ากับล้มรัฐบาล โดย : หมาเห่าการเมือง



ยังจำได้ไหม??...เพลง คึกลิด คิดลึก ของเพลิน พรหมแดน

คึกลิดเป็นคนคิดลึกกลางคืนดื่นดึกนั่งนึกนอนคิด

คิดช่วยคนยากคนจนให้สภาตำบทสร้างถนนเชื่อม ติด

พวกเราก็ไปรับจ้างพวกเราก็ไปรับจ้างขุดคลอง สร้างทางเอาสะตางค์คึกฤทธิ์

“เอนี่พวกเราจะตั้งชื่อ คลองนี่ว่าคลองอะไรดี?..” “คลองคึกฤทธิ์”

“อือแล้วก็ถนน นี้ล่ะ”  “ถนนคึกฤทธิ์”  “อือ!..แล้วก็สะพานนี่ล่ะ”  “สะพานคึกฤทธิ์”

“เอเดี๋ยวเดี๋ยว..นี่อะไรอะไรก็ทำหมดแล้วนี่แล้วปีหน้าจะมี อะไรให้เราทำอีกไหมเล่า”  “นี่มันจะไปยากอะไรเล่าครับ  ปีหน้าก็ขุดถนน ให้มันเป็นคลองนะ แล้วก็ถมคลองให้เป็น ถนน ทำกับไปก็กลับมา ตั้งหลายครั้ง สบายมากเฮ้เฮ้ดีดี”

คึกลิดขวัญใจคนจนพวกเราทุกคนล่ะเที่ยวไปทั่วทิศ

ไปเที่ยวอุบล อุดร เที่ยวหาดใหญ่ชุมพรย้อนไปอุตรดิตถ์

ไปไหนไปได้ทุกที่ไหนไปได้ทุกที่เที่ยวกันทุกปีนั่งรถฟรีคึกลิด

“เออนี่พวกเราจะเรียกรถฟรีนี่ว่ารถอะไรดีหา??..” “รถคึกลิด”

“เออเครื่องบินคึกลิดมีไหมครับ”  “อ่าวหากประชาชนสนใจ เราก็ทำได้” 

แบบนี้หาได้ที่ไหนชาวจีนชาวไทยล่ะซึ้งใน ดวงจิต

เจ็บไข้ไปโรงพยาบาลเขาก็บริการรักษาฟรีทุก ชนิด

เชิญไปรักษาผ่าตัดเชิญไปรักษาผ่าตัดไม่ต้องจ่าย อัดเพราะเรามีบัตรคึกลิด

“ไม่รู้ว่าผมเป็นโรคอะไรครับคุณหมอ”  “อืออาการของคุณเป็นยังไง เล่าเล่าให้ฟังหน่อยครับ??..”

“เวลาผมมี ความสุขผมก็นึกถึงคึกฤทธิ์  เวลาผมมีความทุกข์ผม ก็นึกถึงคึกฤทธิ์ 

มิหนำซ้ำผมนอนหลับผมก็ยังนึกถึง คึกฤทธิ์”  “เออคุณก็เป็นโรคคึกฤทธิ์ขึ้นสมอง” 

“อ่าวนี่คุณ หมอก็เป็นเหมือนผมเออติดกัน” 

ลูกผมสองคนหญิงชาย ตั้งอกตั้งใจว่าจะให้เรียนพาณิชย์

ด้วยรัชบาลเห็นใจ เรื่องค่าเทอมเท่าไหร่เขาไม่คิดเขาไม่คิด

วันนั้นผมไปกิน เหล้าวันนั้นผมไปกินเหล้าไม่มีเงินใครเขาผมนึกว่าเหล้า คึกฤทธิ์

“เออทั้งหมดของคุณนี่นะครับทั้งค่าเหล้า ค่ากับแกล้มนะครับทั้งหมด ร้อยห้าสิบบาทครับ” 

“ห่วยข่อยมีบัตร คึกฤทธิ์เด้ เจ้าเบิ่งเป็นหยังนี่ บัตรคึกฤทธิ์เด้อ” 

“เหล้าทั้งหมด ผมซื้อไว้ขายนะครับไม่ได้เหล้าคึกฤทธิ์ ถ้าหากว่าคุณ

อยากจะกินเหล้าคึกฤทธิ์คุณก็ไปกินที่บ้านเขาสิครับ”

“โอ้แล่วก็บ่บอกกันก่อนเว้ย ก็นึกว่าเป็นเหล้าคึกฤทธิ์ข่อยบ่มีเงิน ให้เจ้าหรอกเด้” 

“ยังงั้นก็ต้องไปเข้าคุกคึกฤทธิ์สิครับ”

“เข้าฟรีบ่ครับ”  “ฟรี สิครับ”  “เข้าฟรีบ่ครับฟรีบ่ฟรีดิฟรีเอ้าเข้าก็เข้าคุกคึกฤทธิ์ฟรีแม้ย่านหยังว่ะ”

เพลง "คึกลิด คิดลึก" คือเพลงล้อเลียนนโยบายเงินผัน สะท้อนเรื่องราวแบบชาวบ้านต่อนโยบายขอภาครัฐ ซึ่งคำว่า "คึกฤทธิ์" สำหรับประชาชน อาจหมายถึงโอกาสในการเข้าถึงอำนาจที่ไม่เคยมีมาก่อน ในทางการเมืองคำว่าคึกฤทธิ์ในเพลงอาจหมายถึงความเป็นประชาธิปไตย ที่เรื่องปากท้องและความทุกข์ของคนชนบท "มีมูลค่า" อยู่ในนโยบายทางการเมือง โดยสร้างปรากฏการณ์ที่ให้ประชาชนรู้ว่า "รัฐต้องรับใช้ประชาชน"  เป็นเพลงที่ถูกมองว่าล้อเลียนการเมือง แต่ก็เป็นความทรงจำเกี่ยวกับการเมืองแบบประชานิยม เป็นอย่างดี แต่นโยบายเงินผัน ก็เป็นนโยบายที่แก้ปัญหา “วิกฤตเศรษฐกิจราชาเงินทุน” ให้ผ่านพ้นไปได้

นโยบายของพลเอกาติชาย ชุณหวรรณ ที่ “เปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามการค้า” นั่นก็เป็นนโยบายที่แก้ปัญหาวิกตเศรษฐกิจสงครามอ่าวเปอร์เซีย ไปได้ แต่แล้วก็ต้องถูกปฏิวัติ เพื่อหยุดการพัฒนาที่นักการเมืองบริหารบ้านเมืองเพื่อรับใช้ประชาชน

วิกฤตต้มยำกุ้ง ก็แก้ปัญหาด้วยประชานิยมของรัฐบาลทักษิณ ในโครงการกองทุนหมู่บ้าน แต่ก็ต้องถูกยึดอำนาจรัฐประหารในปี 2549

ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจากรัฐบาล ราบ11 ด้วยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ด้วยนโยบายประชานิยม โครงการรับจำนำข้าว แล้วก็ถูกรัฐประหาร ด้วยคณะ คสช. ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

วิกฤตโควิด ที่อยู่ในช่วงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอาก็แก้ปัญหาด้วยวิธีประานิยม โดยแจกเงินให้เกิดการใช่จ่ายในโครงการกระเป๋าตังค์ ซึ่งมีการแจกหลายรอบ เพื่อกระตุ้นการใช่จ่ายภายในประเทศ แล้วประเทศก็ผ่านพ้นวิกฤตทางเศรษฐกิจมาได้ด้วยดี

รัฐบาลเศรษฐา1 ก็มีนโยบายเงินดิจิทัล 10000 บาท ซึ่งถ้าจะดูตัวเลขการแจก น้อยกว่าที่ยุคพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาแจก เพราะยุคพลอเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาแจก แจกคนละ 15000 โดยแบ่งโอนสามครั้ง ครั้งละ 5000 บาท โดยผ่านแอปกระเป๋าตังค์ แต่จำนวนคนที่ได้รับแจกไม่มากเท่านโยบายเงินดิจิทัลเท่านั้นเองที่แตกต่างกัน พอนโยบายเงินดิจิทัลถูกประกาศออกมา กลุ่มนักวิชาการและกลุ่มทุนกลุ่มนายธนาคาร ก็ออกมาต่อต้าน ทั้งที่ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน ก็คนเดียวกันกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในยุคพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

ปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศปัจจุบันไม่น่าจะเป็นปัญหาของประเทศมากไปกว่าปัญหาด้านการเมือง โดยเฉพาะ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้ามามีส่วนในการขับเคลื่อนการเมือง จนใช้สถานการวิกฤติของประเทศ เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อผลักดันอำนาจการปกครองให้อยู่ในกลุ่มการเมืองที่ตนสนับสนุน ซึ่งแทนที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายที่ฝ่ายบริหารเป็นผู้กำหนด แต่ในระยะหลังกลับกลายเป็นสนับสนุนหรือต่อต้านรัฐบาลไปแล้ว

ซึ่งมันสอดคล้องกับโพสต์ของนายไพศาล พืชมงคล ที่บอดว่า “ล้มคูปองดิติทัล = ล้มรัฐบาลเศรษฐา”

  • ความพยายามที่จะล้มรัฐบาลเศรษฐา ให้ได้ภายใน 3 เดือนหรือก่อนเวลาที่สว.จะหมดวาระ เป็นแผนการที่เป็นอันตรายต่อประเทศไทยและประชาชนไทยอย่างร้ายแรง ประชาชนผู้รักชาติจะต้องร่วมกันหยุดยั้งความพยายามนั้นให้จงได้
  • การยกเอาเรื่อง แจกคูปองดิจิตอลมาคัดค้านอย่างกว้างขวางและผิดปกติ คือกระบวนการตั้งต้น ในการล้มรัฐบาลเศรษฐา ต่อให้รัฐบาลเศรษฐายอมยกเลิก ก็จะต้องหยิบเอาเรื่องอื่นมาล้มรัฐบาลเศรษฐาต่อไป
  • ในรัฐบาลก่อน มีการกู้เงินมาแจกร่วม 3 ล้านล้านบาท และเงินที่แจกนั้นส่วนใหญ่ก็ไปสู่นายทุนชาติ แต่ขบวนการเหล่านี้เงียบเป็นเป่าสาก ไม่เคยโต้แย้งไม่เคยคัดค้าน ในขณะที่รัฐบาลเศรษฐาไม่ได้กู้เงินมาแจก และไม่ได้ใช้เงิน ไปซื้อเหรียญคริปโตมาแจกตามที่บิดเบือนกัน ทั้งวงเงินคูปองดิจิตอลก็มีเพียง 560,000 ล้านบาท เทียบกันไม่ได้ กับจำนวน 3 ล้านล้านบาทที่เคยกู้มาแจกในรัฐบาลก่อน
  • ขบวนการเหล่านี้รู้ดีว่า ถ้ามีการแจกคูปองดิจิตอล จะทำให้ เกิดการไหลเวียน ของการค้าและบริการต่างๆจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้รุดหน้าไปข้างหน้าได้ ดังนั้น นอกจากคัดค้านแล้ว ยังล็อกเงินไว้ในระบบเพิ่มขึ้นอีก โดยการเพิ่มดอกเบี้ย ซึ่งทำให้ เงินไหลเข้าระบบธนาคารเพิ่มขึ้นอีก และ ไม่มีการนำมาหมุนเวียน ในขณะที่ ผู้เป็นหนี้ก็ต้องเสียดอกเบี้ยสูงขึ้น

วิธีการนี้คือวิธีการที่ใช้ในการล้มรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และ ใช้เงินสำรองไปเก็งค่าเงินบาท อย่างผิดพลาด ก่อเหตุต้มยำกุ้งขึ้น จนความฉิบหายยังตกทอดมาถึงทุกวันนี้

นั่นคือฝ่ายอนุรักษ์นิยม จะไม่ยอมให้รัฐบาลที่ไม่ใช่ฝ่ายของตนใช้นโยบายประชานิยมกับประชาชน แต่ถ้าฝ่ายตนจะใช้นโยบายประชานิยม ก็จะเลี่ยงบาลี ด้วยวาทกรรมต่างๆ นาๆ เพราะฝ่ายอนุรักษ์นิยมรู้ดีว่า ถ้าใช้นโยบายประชานิยม ผู้ดำเนินการจะได้รับความนิยมจากประชาชนมาก ซึ่งฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่ถนัดวิธีการทางการเมืองแบบประชาธิปไตย การขัดขวางการดำเนินการประชานิยม ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมนำมาใช้ในการรักษาอำนาจการเมืองการปกครอง ถ้าไม่สามารถป้องกันให้ใช้ได้ ก็จะหาเรื่องทำรัฐประหาร ด้วยการใช้ประชาชนส่วนหนึ่งออกมาเรียกร้องทหารออกมาทำรัฐประหาร คราวนี้ก็เริ่มจากพวกเรียกร้อง “เอาระบอกทักษิณ ออกไป เอาลุงตู่กลับมา” ซึ่งมันก็ไม่ได้มีน้ำหนักอะไร เพราะทุกอย่างผ่านการเลือกตั้งของประชาชน กระบวนการล่ารายชื่อนักวิชาการ 99 คน ยื่นคัดค้านนโยบายเงินดิจิทัล ซึ่งก็ยังจะใจประชาชนยังไม่ได้ว่าจะแสดงออกเห็นร่วมได้มากน้อยเพียงได อีกกลุ่มหนึ่งก็คือ กลุ่มสมัชชาคนจน ที่ขนคนเข้าสภา เรียกร้องนายกรัฐมนตรี ในการได้มาของ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้ง   เราในฐานะประชาชนคนหนึ่งก็คอยเฝ้ามองดู ว่าจะเกิดสถานการณ์ไดต่อไป และคอยประคับประครองที่จะตัดสินใจทำอะไรให้สถานการณ์ของบ้านเมืองอยู่ในสภาวะที่ไม่ได้รับผลกระทบ หน้าที่เราในฐานะประชาชนก็คงได้เท่านี้แหละ ก็โอเคนะครับ