In News

สรุปภารกิจของนายกฯเยือนประเทศบรูไน ย้ำความร่วมมือ2ปท.หนุนสินค้าฮาลาล



กรุงเทพฯ-นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยต่อการเดินทางเยือนบรูไนเพื่อแนะนำตัวครั้งนี้ โดยเน้นย้ำความร่วมมือที่เกิดขึ้นจากการเดินทางครั้งนี้ 

วันนี้ (10 ตุลาคม 2566) เวลา 16.50 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศบรูไน ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชม.)  ณ โรงแรม Empire Brunei นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทย สรุปสาระสำคัญดังนี้ 

การหารือกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม ซึ่งความร่วมมือระหว่างไทยกับบรูไนมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทราบว่าบรูไนมีความมั่นคงอาหารต่ำ ในขณะที่ไทยมีความมั่นคงทางอาหารสูง จึงจะมีความร่วมมือกันต่อไป โดยนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวเชิญชาวบรูไนเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเชิงการแพทย์ และสุขภาพ (Wellness Tourism) โดยในปีหน้าจะครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ ได้กล่าวเชิญเสด็จฯ เยือนประเทศไทย พร้อมแสดงความยินดีกับเจ้าชายอับดุล มาทีน ที่ทรงมีกำหนดจะเข้าพระราชพิธีเสกสมรสในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีถือเป็นแขกคนแรกที่ได้เดินทางมาเยือนและแสดงความยินดี

นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม แสดงความห่วงกังวลต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นขณะนี้ และแสดงความเสียใจที่มีการสูญเสียของคนไทย รวมถึงมีผู้บาดเจ็บและถูกลักพาตัว เรื่องของความไม่สงบเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง ดังนั้นการดูแลผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนรู้เห็นจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทั้ง 2 ประเทศ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง โดยอยากให้เรื่องนี้ยุติด้วยสันติวิธีโดยเร็วที่สุด เพื่อลดการสูญเสียและบาดเจ็บ

ส่วนเรื่องคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายการทูต ที่มีความสัมพันธ์กับบุคคล กลับหลายๆรัฐบาล ก็ได้ต่อสายตรงพูดคุยกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของความมั่นคง จึงขอไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่ขอให้มั่นใจว่าทุกทางที่ดำเนินการอยู่ พยายามทำทุกอย่างแล้ว และยังพยายามอย่างสูงสุด พร้อมคำนึงถึงอิสรภาพแล้ความปลอดภัยของผู้ที่ถูกจับกุมตัวเป็นสำคัญ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของคนไทยในต่างแดนสำคัญที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของชีวิตและความปลอดภัย

ขณะที่ตัวเลขคนไทยผู้เสียชีวิต ที่ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนมากที่สุดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเป็นประเทศที่สูญเสียมาก ณ เวลานี้จำนวน 18 คน จึงถือเป็นตัวเลขที่น่ากังวลใจว่าจะหยุดแค่นี้หรือไม่ ก็ต้องคอยติดตามสถานการณ์ โดยย้ำว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลและละเอียดอ่อนมาก ทั้งนี้ได้กำชับทางการทูตและการช่วยเหลือในทุกช่องทางและทุกวิถีทางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวประกัน ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต หรือ แรงงานไทย ส่วนการดูแลหลังจากนี้จะต้องดูแลให้ดีตามกฎหมาย แต่ละคนมีความเสียหายอย่างไรให้ยึดระเบียบที่วางไว้   ขอให้มั่นใจรัฐบาลทำทุกทางช่วยคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ยอมรับกังวลตัวเลขคนไทยเสียชีวิตสูง กำชับทุกฝ่ายเร่งช่วยเหลือทุกวิถีทาง

นายกฯ หารือผู้บริหาร Brunei Investment Agency ยืนยันความร่วมมือในด้านที่ทั้งสองมีความสนใจและมีศักยภาพ

และ ณ โรงแรม Empire Brunei นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบหารือผู้บริหาร Brunei Investment Agency (BIA) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้ 

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายในสาขาที่มีศักยภาพสำหรับไทยและบรูไน โดยจากการหารือกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลามเกี่ยวกับการส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลของไทย ความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของไทยที่จะเป็นศูนย์กลางสำหรับฮาลาล ไทยมีวัตถุดิบและสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนาคุณภาพของอาหารได้ (Food Technology) ซึ่งแม้จะยังอยู่ในขั้นเริ่มแรก แต่รัฐบาลมุ่งมั่นเดินหน้า พร้อมเชื่อมั่นว่าจะมีตลาดส่งออกได้อย่างแน่นอน และเมื่อมีสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลามทรงเป็นจุดเชื่อมสำหรับโลกมุสลิม ยิ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถเดินหน้าความร่วมมือนี้ได้อย่างแน่นอน

ด้านผู้บริหาร BIA กล่าวว่า BIA พร้อมเจรจาเพื่อกระชับความร่วมมือ ซึ่งบรูไนให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงทางอาหาร เนื่องจากเพิ่งจะเปิดประเทศจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยบรูไนมีความร่วมมือเกี่ยวกับการส่งออกข้าวกับไทย ซึ่งไทยถือเป็นผู้นำ (premier) ในด้านเกษตรกรรม จึงหวังที่จะร่วมมือในด้านนี้ให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศเพื่อเดินหน้าความร่วมมือด้านที่มีความสนใจและมีศักยภาพร่วมกัน โดยบรูไนหวังที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ(Know-how) ของไทยในด้านต่าง ๆ ต่อไป 

ไทย-บรูไนย้ำมิตรภาพอันยาวนานกว่า 39 ปี ในทุกระดับ พร้อมเดินหน้าทำงานร่วมกับบรูไนอย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีและระดับภูมิภาค

ก่อนหน้านี้ ณ พระราชวังอิสตานา นุรุล อิมาน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ก่อนจะเข้าเฝ้าฯ และหารือทวิภาคีกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้  

นายกรัฐมนตรีกล่าวรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้าเฝ้าฯ และมาเยือนบรูไนอย่างเป็นทางการในวันนี้ ไทยและบรูไนมีมิตรภาพที่ยาวนานกว่า 39 ปี บรูไนเป็นพันธมิตรของไทย ทั้งในความร่วมมือทวิภาคี ในเวทีระดับภูมิภาค และพหุภาคี ทั้งนี้ หากพระองค์มีพระราชประสงค์เสด็จฯ เยือนประเทศไทย จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งต่อรัฐบาลไทยที่ได้มีโอกาสถวายการต้อนรับ 

ด้านสมเด็จพระราชาธิบดีฯ ทรงกล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ พร้อมแสดงความยินดีต่อการเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี การเยือนอย่างเป็นทางการในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันของไทยและบรูไน โดยเฉพาะที่ในปีหน้าจะครบรอบ 40 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์การทูต

โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือและแลกเปลี่ยนในประเด็นที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ดังนี้

ไทยและบรูไนยินดีที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองเต็มไปด้วยมิตรภาพ และไมตรีจิตมาโดยตลอด โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในระดับราชวงศ์ ที่เป็นเสาหลักสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-บรูไน โดยปีหน้าจะครบรอบ 40 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์การทูต ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นควรให้ใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ และร่วมมือระหว่างกัน 

ในด้านเศรษฐกิจ ผู้นำทั้งสองหวังที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือในด้านนี้มากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่ ทราบว่าในปี พ.ศ. 2545 Brunei Investment Agency (BIA) ได้ร่วมมือกับ EXIM Thailand และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จัดตั้งกองทุนทวีทุน (Thailand Prosperity Fund)  ซึ่งมีทุนเริ่มแรก 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมเชิญชวนให้ BIA พิจารณาลงทุนเพิ่มเติมในไทย โดยเฉพาะในสาขาที่มีศักยภาพสูง เช่น การบริการ การท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียินดีที่สินค้าไทยได้รับความนิยมมากขึ้นในบรูไน โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ มีแผนที่จะการจัดแสดงสินค้าไทยในบรูไนมากขึ้น จึงหวังที่จะทำงานร่วมกับบรูไน เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งออกสินค้าไทยและอาหารไปยังบรูไนมากขึ้น

ผู้นำทั้งสองให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านความมั่นคงอาหาร โดยไทยต้องการที่จะเป็นหุ้นส่วนระยะยาวของบรูไนในด้านนี้ เนื่องจากไทยมีความเข้มแข็งในด้านการเกษตร และการผลิตอาหาร และต้องการขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลของไทย โดยเฉพาะเนื้อไก่ และข้าวหอมมะลิไทย ไปยังบรูไน โดยทั้งสองประเทศยังพร้อมที่จะกระชับความร่วมมือในด้านพลังงาน 

ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องว่า อาเซียนที่เข้มแข็งและเจริญรุ่งเรืองเป็นสิ่งสำคัญ โดยอาเซียนเป็นเสาหลักสำคัญของนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล และพร้อมจะสานต่อการทำงานร่วมกับบรูไน เพื่อเสริมสร้างอาเซียน พร้อมหวังจะได้เห็นการบรูณาการทางเศรษฐกิจในอาเซียนที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความห่วงกังวลต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นขณะนี้ พร้อมขอให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว 

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ โดยรัฐบาลไทยจะติดตามการหารือของเราเพื่อประโยชน์ของประชาชนของเรา พร้อมย้ำความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดเดินหน้าความร่วมมือระหว่างกันให้เกิดผลสูงสุด