In News

ขยายรักษาร่วม74รพ.ให้กับผู้ประกันตน ยาวถึง31ธ.ค./ผู้มี5โรคร้ายเข้าได้ทุกรพ.



กรุงเทพฯ-​รัฐบาลเพิ่มประสิทธิภาพให้ผู้ประกันตนเข้าถึงการรักษาการ ขยายข้อตกลงโครงการรักษาร่วมกับสถานพยาบาล 74 แห่งทั่วประเทศ ถึง 31 ธันวาคม 2566 เผยผู้ประกันตนพอใจการดำเนินโครงการ

วันที่ 12 ตุลาคม 2566 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะเรื่องการของการเจ็บป่วย จะต้องเข้าถึงระบบรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งลดอาการเจ็บป่วยและการเสียชีวิต โดยได้บูรณาการงานด้านบริการทางการแพทย์เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือทำหัตถการ นำร่องในกลุ่ม 5 โรค ประกอบด้วย โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคนิ่วในไตและถุงน้ำดี การผ่าตัดมะเร็งเต้านม และการผ่าตัดก้อนเนื้อที่มดลูกและหรือรังไข่

นายคารม กล่าวว่า จากรายงานผลการดำเนินงานของสำนักงานประกันสังคม ที่ได้ร่วมกับสถานพยาล ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 จนถึง 30 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา จากการประเมินผลพบว่าผู้ประกันตนมีความพึงพอใจ ที่ได้รับการรักษาเป็นไปตามเกณฑ์และระยะเวลาที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด โดยไม่มีอัตราการเสียชีวิต อย่างไรก็ดี ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่ www.sso.go.th  สำหรับระยะเวลาดำเนินโครงการฯ จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จ สำนักงานประกันสังคมจะติดตามและประเมินผล เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดการบริการทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

“การทำบันทึกข้อตกลงโครงการ SSO 515 ระหว่างสำนักงานประกันสังคมและสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ ทั้ง 74 แห่งทั่วประเทศ ทำให้ผู้ประกันตนได้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้รวดเร็วขึ้น ลดระยะเวลาการรอคอย ลดภาวะแทรกซ้อน ไม่ให้อาการของโรคมีความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้ง ช่วยลดระยะเวลาในการพักฟื้น ส่งผลให้ผู้ประกันตนสามารถกลับไปทำงานได้อย่างรวดเร็ว และดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายค่าบริการทางการแพทย์โดยตรงกับสถานพยาบาลที่ทำบันทึกข้อตกลง ผู้ประกันตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรับบริการแต่อย่างใด สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่มุ่งให้ปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เป็นปีแห่งการขับเคลื่อนงานประกันสังคมให้เข้มแข็ง ให้เป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่น และไว้วางใจจากลูกจ้าง ผู้ประกันตนและสังคมโดยรวม" นายคารม ย้ำ