In Bangkok
กทม.พัฒนาใช้ Traffy Fondue Plus เตือนภัยฉุกเฉินให้คนกรุง-นักท่องเที่ยว
กรุงเทพฯ-(16 ต.ค.66) หน้าห้องนพรัตน์ ชั้น 5 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร : นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าในการเตือนเหตุฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่ห้างสยามพารากอน ว่า ระบบการเตือนภัยดังกล่าวอยู่ในการกำกับดูแลของกสทช. ที่ควบคุมเรื่อง Operator ต่าง ๆ โดยในส่วนของกทม.เองกำลังพัฒนาในเรื่องของ Traffy Fondue Plus ที่เป็น Application แจ้งเหตุต่างๆ โดยประชาชน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียน Traffy Fondue กทม.อยู่กว่า 4 แสนคน ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนที่มากเมื่อเทียบกับประชากรตามทะเบียนราษฎร์ กว่า 5 ล้านคน ซึ่งกทม.กำลังพัฒนา Traffy Fondue Plus ให้มีส่วนของเมนู "รับข่าวสารเตือน" ซึ่งประชาชนสามารถคลิกเพื่อรับข่าวสารและแจ้งเหตุ โดยสามารถเลือกพื้นที่ที่ต้องการแจ้งเหตุได้และส่งข้อมูลให้กทม.รับทราบ ซึ่งระบบดังกล่าวกทม.มีความพร้อมด้านซอฟต์แวร์ในการส่งข้อความแจ้งเหตุต่างๆไปให้สมาชิกที่ต้องการรับทราบครบถ้วนแล้ว ขณะนี้เหลือเพียงการพูดคุยเรื่องค่าใช้จ่าย เนื่องจากการส่งข้อความดังกล่าว ต้องส่งผ่าน Application อื่น อาทิ LINE ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4 สตางค์ต่อ 1 ข้อความ จึงอยู่ระหว่างพูดคุยกับกสทช.ในเรื่องค่าใช้จ่ายดังกล่าว ซึ่งหากสำเร็จจะเป็นต้นแบบ ในการนำTraffy Fondue มาให้ประชาชนเลือกรับข่าวสารฉุกเฉินและแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ รวมถึงสภาพอากาศ สภาพการจราจร
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ยังมีอีก 1 เวอร์ชั่นสำหรับนักท่องเที่ยว คือ Traffy Fondue ภาษาอังกฤษ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการร้องเรียน เรื่องแท็กซี่ผี ไกด์ผี การถูกโกง และความไม่สะดวกในการท่องเที่ยว ซึ่งกทม.จะแนะนำนักท่องเที่ยวในรูปแบบ QR Code ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แจ้งข้อมูลเข้าถึงสู่เว็บ Database ของกทม. เป็นอีกช่องทางสื่อสารกับนักท่องเที่ยว ซึ่งกทม.จะเริ่มดำเนินการก่อน ทราบผลจากการพูดคุยกับกสทช.
ด้าน รศ.ทวิดา กมลเวช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.ได้ไปหารือกับทางกสทช.ที่เคยศึกษาเรื่องทางเทคนิคไว้ก่อนแล้วและมีข้อมูลในการเปรียบเทียบกับระบบที่ใช้กันอยู่ในประเทศต่างๆ และจะนำมาใช้ในประเทศไทย โดยได้ตั้งคณะทำงานร่วมกันเป็นคณะเล็ก ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการประเมินความสามารถทางเทคนิคของระบบในการเตือนภัยว่าควรทดลองในพื้นที่ใด ซึ่งคาดว่ากลางเดือนมกราคมปีหน้าจะสามารถทดลองส่งข้อความเตือนภัยให้ประชาชนได้ โดยจะเน้น ข้อความการเตือน Emergency alert หรือการเตือนฉุกเฉิน ให้ขึ้นข้อความเตือนภัยทันทีก่อน ข้อความเตือนภัยล่วงหน้า ซึ่งมีความแตกต่างกัน เพราะการเตือนภัยฉุกเฉิน ต้องมีความระมัดระวังในข้อความที่สื่อสาร และมีความพร้อมรองรับสถานการณ์ในพื้นที่ จึงต้องใช้เวลาในการพัฒนา ออกแบบ ปรับปรุง และเตรียมความพร้อมระบบเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด