In Thailand
ลดปล่อยน้ำเขื่อนลำปาวช่วยคนท้ายเขื่อน ระบายน้ำเหลือวันละ8ล้านลูกบาศก์เมตร
กาฬสินธุ์-เขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ปรับลดปริมาณการระบายน้ำลงอีกแบบขั้นบันไดเหลือ 8.59 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ช่วยลดผลกระทบกับพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน หลังสถานการณ์ระดับน้ำในอ่างดีขึ้นและลดลงต่อเนื่อง ด้านผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวระบุ หากไม่มีพายุฝนตกหนักในพื้นที่ลงมาอีก คาดจะปิดประตูการระบายน้ำภายในสัปดาห์นี้ รวมทั้งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งเต็มความสามารถของเขื่อน
วันที่ 23 ตุลาคม 2566 นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือ เขื่อนลำปาว เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว ล่าสุดมีปริมาณไหลเข้าในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา6.01ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งปริมาณน้ำไหลเข้าเริ่มลดลง โดยปัจจุบันเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,974.3 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น99.71 เปอร์เซ็นต์ จากความจุกักเก็บ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้จากการติดตามสถานการณ์ภาพรวมดีขึ้นระดับน้ำหน้าอ่างลดลงต่อเนื่อง ทางโครงการฯจึงได้ปรับลดการระบายน้ำลงอีก เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และเกษตรกรตั้งแต่ จ.กาฬสินธุ์ไปจนถึง จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นการลดผลกระทบพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน รวมทั้งเพื่อความเสถียรภาพของตัวเขื่อน
โดยได้มีการปรับลดปริมาณการระบายน้ำลงแบบขั้นบันไดมาตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2566 ปรับการระบายน้ำจาก 17.50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเป็น 15.60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน, วันที่ 21 ตุลาคม 2566 ปรับการระบายเป็น 12.08 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน, วันที่ 22 ตุลาคม 2566 ปรับการระบายเป็น 10.30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และล่าสุดวันนี้ 23 ตุลาคม 2566 ปรับการระบายลงอีกเป็น 8.59 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนสาเหตุที่จะต้องปรับลดลงแบบขั้นบันไดนั้น เพื่อป้องกันตลิ่งแม่น้ำทรุด รวมทั้งจะติดตามสถานการณ์ฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งหากไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดพายุ หรือฝนตกหนักในพื้นที่ ทางโครงการฯ จะปรับลดการระบายน้ำลงอีก และคาดว่าจะสามารถปิดประตูบริเวณอาคารระบายน้ำ เพื่อหยุดการระบายน้ำภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะกักเก็บน้ำไว้ในการอุปโภค บริโภค และการเกษตรในช่วงฤดูแล้งอย่างเต็มความสามารถของเขื่อนลำปาวต่อไป
อย่างไรก็ตามสำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่ได้รับผลกระทบ ทั้งพื้นที่ด้านเหนือเขื่อนและด้านท้ายเขื่อนรวม 10 อำเภอ 58 ตำบล 399 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 11,152 ครัวเรือน พื้นการเกษตรเสียหาย 898,841 ไร่ และถนนเสียหาย 247 เส้นทาง ซึ่งหลังจากนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการสำรวจความเสียหาย เพื่อที่จะช่วยเหลือและเยียวยาต่อไป