In News

ครม.อนุมัติยกเว้นการยื่นเรื่องคนต่างด้าว เข้า-ออกไทยทางด่านเข้าเมืองสะเดา



กรุงเทพฯ-ครม.เห็นชอบยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายกรของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (แบบ ตม.6) ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นการชั่วคราว (ในช่วงระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566- 30 เมษายน 2567)

วันนี้ (24 ต.ค. 66) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายกรของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (แบบ ตม.6) ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นการชั่วคราว (ในช่วงระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566- 30 เมษายน 2567) ซึ่งตรงกับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวมาเลเซีย เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่จะเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง

นายคารม กล่าวว่า จากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่า บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา ใช้ระยะเวลาในการผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองมากกว่า 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลและวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2566 พบว่า ในเดือนมกราคม-กันยายน 2566 นักท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยมากที่สุด ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย (จำนวนประมาณ 3.1 ล้านคน) และมีประมาณการรายได้สะสมอยู่ที่ประมาณ 52,755 ล้านบาท (ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อคน/ทริป เท่ากับ 16,588 บาท) ประกอบกับตามข้อมูลสถิตินักท่องเที่ยวรายด่านจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า ในปี 2566 นักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา จำนวนเฉลี่ย 1 แสนคนต่อเดือน ซึ่งจากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซียมีความประสงค์จะขอเดินทางเข้ามายังประเทศโดยจำนวนมากและเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ รวมทั้งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังมีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงทั่วประเทศซึ่งเป็นการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย
 
 “การยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายกรของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (แบบ ตม.6) ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นการชั่วคราว ทำให้การดำเนินขั้นตอนในบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองให้เป็นไปใได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น และจะเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ลดความแออัดบริเวณหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวตลาดหลักที่มีศักยภาพ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวชาวต่างซาติมากยิ่งขึ้น เกิดการกระจายรายได้ไปยังพื้นที่ที่มีการเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคต่าง ๆ ต่อเนื่องไป รวมทั้งช่วยให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ” นายคารม กล่าว