In Global
'อดานี ซีเมนต์'ร่วมแบงค์ต่างชาติ10แห่ง รีไฟแนนซ์ 3.5พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อาห์มาดาบัด, อินเดีย, 25 ตุลาคม 2566 อดานี ซีเมนต์ (Adani Cement) ผ่านเอนเดฟเวอร์ เทรด แอนด์ อินเวสต์เมนต์ (Endeavour Trade and Investment Ltd) มีความยินดีที่จะประกาศความสำเร็จของโครงการรีไฟแนนซ์หนี้จากการซื้อกิจการอัมบูจาและเอซีซี จำนวน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยกลุ่มธนาคารระหว่างประเทศ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเข้าถึงตลาดการเงินระดับโลกระดับสูงและสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของอดานี ความสำเร็จนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างความมั่นคงทางการเงินและการเติบโต โดยวงเงินสินเชื่อนี้จะช่วยให้อดานี ซีเมนต์ ประหยัดต้นทุนโดยรวมได้ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อดานี ซีเมนต์ เป็นบริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับ 2 ในอินเดีย ได้เข้าซื้อกิจการของอัมบูจาและเอซีซี (2 แบรนด์ซีเมนต์ชั้นนำของอินเดีย) มูลค่า 6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นการเข้าซื้อกิจการโครงสร้างพื้นฐานและพื้นที่วัสดุที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเดือนกันยายน 2565 วงเงินสินเชื่อ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเกิดจากการดำเนินการแผนการจัดการเงินทุนอย่างต่อเนื่องที่ระบุไว้ในเดือนกันยายน 2565 พร้อมขั้นตอนการลดภาระหนี้อย่างชาญฉลาดของอดานี ซีเมนต์ โดยขณะนี้หนี้สุทธิธุรกิจซีเมนต์มี EBITDA ลดลงต่ำกว่า 2 เท่า
ปัจจุบันนี้ อัมบูจาและเอซีซีมีกำลังการผลิตรวมกันอยู่ที่ 67 ล้านตันต่อปี และจะเพิ่มเป็น 100 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2568 จากการประกาศซื้อกิจการซางกี ซีเมนต์ (Sanghi Cement) โดยเอซีซีและอัมบูจาเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอินเดียที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตและห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคง ประโยชน์จากการผนึกกำลังกับแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานของอดานีแบบบูรณาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวัตถุดิบ พลังงานหมุนเวียน และโลจิสติกส์ ช่วยให้บริษัทในเครือกลุ่มธุรกิจอดานี (Adani Portfolio) มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเชิงลึกมากยิ่งขึ้นส่งผลให้อัตรา EBITDA ต่อตันดีขึ้น จาก 340 รูปีต่อตันในไตรมาสสิ้นสุดเดือนกันยายน 2565 (ทันทีหลังการซื้อกิจการ) เป็น 1,253 รูปีต่อตันในไตรมาสสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2566 ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการลดภาระหนี้สินผ่านการขยายกิจการที่เพิ่มมากขึ้น
การรีไฟแนนซ์ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากธนาคารระหว่างประเทศ 10 แห่ง โดยธนาคารดีบีเอส (DBS Bank), ธนาคารเฟิร์สต์ อาบูดาบี (First Abu Dhabi Bank), ธนาคารมิซูโฮ (Mizuho Bank) และธนาคารเอ็มยูเอฟจี (MUFG Bank) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการเงินกู้ร่วมและผู้รับประกันภัยสำหรับการทำธุรกรรมครั้งนี้ นอกจากนี้ ธนาคารบาร์เคลย์ (Barclays Bank PLC), ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์ (BNP Paribas), ธนาคารดอยช์แบงก์ เอจี (Deutsche Bank AG), ธนาคารไอเอ็นจึ (ING Bank), ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (Sumitomo Mitsui Banking Corporation) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (Standard Chartered Bank) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการเงินกู้ร่วม
ไซริล อมาร์ชานด์ มันกาลดาส (Cyril Amarchand Mangaldas) และลาแทม แอนด์ วัตกินส์ (Latham and Watkins) เป็นที่ปรึกษาด้านการจัดหาเงินทุนร่วมกับอัลเลน แอนด์ โอเวอรี (Allen & Overy LLP) ส่วนทัลวาร์ ทาคอร์ แอนด์ แอสโซซิเอท (Talwar Thakore and Associates) เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายแก่ผู้ให้กู้