In News
รองฯภูมิธรรมถกบอร์คคทช.ย้ำให้ยึดหลัก 'ประชาชนต้องมีที่ดินและที่ทำกิน'
กรุงเทพฯ-รองนายกฯ ภูมิธรรม เป็นประธานประชุม คทช. ครั้งที่ 3/66 ย้ำยึดหลัก “ประชาชนต้องมีที่ดินและที่ทำกินอย่างพอเพียง” แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน-ความเหลื่อมล้ำเรื่องที่ดินทำกินของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม
วันนี้ (31 ตุลาคม 2566) เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 3/2566 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ
รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานราชการ การมีส่วนร่วมของ ประชาชน และให้การบริหารจัดการที่ดินเกิดประโยชน์สูงสุด โดยยึดหลัก “ประชาชนต้องมีที่ดินและที่ทำกินอย่างพอเพียง” จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความเหลื่อมล้ำในเรื่องที่ดินทำกินของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นไปตามนโยบายตามคำแถลงของนายกรัฐมนตรีที่ได้กล่าวต่อรัฐสภา เมื่อวันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 ในการสร้างและขยายโอกาสให้กับประชาชน เป็นนโยบายการให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ เพื่อสร้างโอกาสในการมีอาชีพ รายได้และความมั่นคงในชีวิต โดยจะเร่งดำเนินการให้ประชาชนมีสิทธิทำกินในที่ดิน เขต ส.ป.ก. หรือพื้นที่ป่าไม้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย มากกว่า 50 ล้านไร่ และกำหนดนโยบายการใช้ประโยชน์ของเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออนุญาตที่รัฐออกให้ เพื่อให้ประชาชนสามารถนำไปต่อยอดให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ ควบคู่กับสร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม “THEOS - 2” มาใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะการบริหารจัดการพื้นที่และยกระดับการทำงานในพื้นที่เป้าหมาย คทช. เพื่อใช้ในการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการที่ดินอย่างเหมาะสมตามศักยภาพ และติดตามการใช้ประโยชน์ในพื้นที่และป้องกัน การบุกรุกที่ดินของรัฐ เมื่อการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐฯ One Map ดำเนินการแล้วเสร็จ โดยผลการประชุมสรุปดังนี้
1. รับทราบผลการดำเนินงานการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ประกอบด้วย
1.1 กำหนดพื้นที่เป้าหมายแล้ว 1,582 พื้นที่ 71 จังหวัด 5,888,729 - 3 - 16.41 ไร่
1.2 ออกหนังสืออนุญาตแล้ว 523 พื้นที่ 2,496,855 - 2 - 72.53 ไร่
1.3 จัดคนเข้าทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว 85,403 ราย ใน 378 พื้นที่
1.4 ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพแล้วใน 312 พื้นที่
2. รับทราบมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 เรื่อง การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ แบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ที่มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งการปรับปรุง One Map ในพื้นที่กลุ่มอื่นๆ ที่เหลือให้แล้ว เสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
3. เห็นชอบการมอบหมายประธานอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จำนวน 3 ชุด ได้แก่ 1) คณะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน และ 2) คณะอนุกรรมการ นโยบาย แนวทาง และมาตรการการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการกำกับ ติดตาม และประเมินผล มอบหมาย รัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี (นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด) เป็นประธาน และ เห็นชอบกับการปรับปรุงหน้าที่และอำนาจของ คณะอนุกรรมการสารสนเทศที่ดินและทรัพยากรดิน เพื่อหน้าที่และอำนาจครอบคลุมในเรื่องที่เกี่ยวกับการพิจารณาให้ ความเห็นชอบธรรมาภิบาลข้อมูลด้านที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ
4. เห็นชอบการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) และ แก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐของพื้นที่กลุ่มที่ 4 จำนวน 11 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ มุกดาหาร หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ (ยกเว้น วนอุทยานฯ ภูสิงห์-ภูผาผึ้ง) สกลนคร ยโสธร บึงกาฬ หนองคาย ขอนแก่น อุดรธานี (ยกเว้นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าลำปาว) และนครพนม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป และ เห็นชอบแนวทางลดขั้นตอนการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) เพื่อลด ระยะเวลาการดำเนินงานในภาพรวม และสามารถปรับปรุงแผนที่แนวเขตฯ ได้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรี กำหนด โดย
1) เห็นชอบในหลักการให้ สคทช. กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ แบบบูรณาการมาตราส่วน 1:4000 (One Map) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับรองความถูกต้องของข้อมูล และ เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบผลการดำเนินงานดังกล่าวแล้ว ให้นำไปจัดทำแผนที่แนบท้ายกฎหมาย โดยไม่ต้องแจ้งเวียน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 เพื่อเป็นการลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและให้ สคทช. นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
2) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดทำแผนที่แนบท้ายกฎหมาย เห็นชอบให้ สคทช. ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) พิจารณาแนวทางการนำแผนที่ดิจิทัล และเทคโนโลยีดาวเทียมมาใช้ในการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัลตลอดไป 3) เห็นชอบการขยายเวลาเพิ่มเติม กรณีการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4000 ( One Map) กลุ่มจังหวัดที่ 1 จำนวน 11 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี กรุงเทพมหานคร นครปฐม อ่างทอง สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สมุทรปราการ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี อีก 180 วัน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 9 หน่วยงาน รายงานผลการดำเนินงานให้ สคทช. ทราบทุกเดือน และให้ สคทช. นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบทุกไตรมาส
5. เห็นชอบในหลักการต่อ (ร่าง) แผนงานงบประมาณรายจ่ายบูรณาการด้านที่ดินและทรัพยากรดินของ ประเทศ (พ.ศ 2568 – 2571) เพื่อขับเคลื่อนภารกิจเร่งด่วนในเรื่องการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณา การมาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) และการจัดที่ดินทำกินในลักษณะแปลงรวมโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ และมอบหมายให้ สคทช. ดำเนินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และเสนอต่อสำนักงบประมาณ พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป