In Bangkok

'ชัชชาติ'สั่งเร่งแก้ไขปัญหาชาวคันนายาว คุมเข้มรถบรรทุกนำเทคโนโลยีมาช่วย



กรุงเทพฯ-“เขตคันนายาว เป็นเขตขนาดปานกลาง มีประชากรกว่า 1 แสนคน ปัญหาหลักคือมีหมู่บ้านเก่าในพื้นที่จำนวนมาก และยังไม่ได้มอบพื้นที่ส่วนกลางให้เป็นสาธารณะ จึงมักมีปัญหาไฟไม่สว่าง ไม่ได้ลอกท่อ ซึ่งกทม.ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการแก้ไขได้ ในเรื่องนี้ได้สั่งการให้รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ ผิวงาม เข้าไปดูแล และเร่งเข้าไปแก้ไข เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนแล้ว” นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังร่วมประชุมในกิจกรรมผู้ว่าฯ สัญจร เขตคันนายาว

 

นอกจากนี้ยังพบว่ามีปัญหาอื่น ๆ ในพื้นที่อีก ได้แก่ ปัญหาเส้นทางการจราจรบนถนนรามอินทรา เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูยังไม่คืนพื้นที่หลายจุด โดยถนนรามอินทราเป็นความรับผิดชอบดูแลของกรมทางหลวง และรถไฟฟ้าเป็นโครงการของกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้หารือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมถึงแนวทางการแก้ไขไปแล้ว  ปัญหาน้ำท่วม พื้นที่เขตคันนายาวอยู่นอกคันกันน้ำตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเขตได้ดำเนินการติดตั้งปั๊มน้ำและทำเขื่อนแล้ว  สำหรับการพัฒนาสวนสาธารณะ จะดำเนินการพัฒนาสวนสาธารณะที่มีอยู่ 3 สวน และเป็นบึงเชื่อมต่อไปถึงเขตบึงกุ่มเนื้อที่ 350 ไร่ ให้มีความต่อเนื่องและให้ประชาชนได้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกิน เขตคันนายาวมีไซต์งานก่อสร้าง 2 โครงการ ซึ่งโครงการที่ต้องมีการทำฐานราก จะต้องมีการขุดดิน และต้องมีรถขนดิน จึงได้มอบนโยบายให้เขตกำกับดูแลรถขนดินให้เข้มงวด ซึ่งรถขนดินเหล่านี้จะมีการเดินทางเชื่อมไปยังพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงด้วย

“ในช่วง 1 เดือนนี้ จะได้ประสานกรมทางหลวงเพื่อเรียกตรวจรถ โดยขอให้กรมทางหลวงส่งเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เครื่องชั่งมาสนับสนุน เนื่องจากกทม.ไม่มีประสบการณ์ รวมทั้งในการจับต้องมีการบันทึกวีดีโอการจับกุมเพื่อเป็นหลักฐาน ซึ่งต้องมีเป็นหน่วยเฉพาะกิจในการดำเนินการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต้องมีเครื่องแบบเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ และได้มอบที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี) ให้ดูแล โดยเน้นย้ำให้โปร่งใสและต้องมีกระบวนการทำงานที่ชัดเจน แต่ภาพรวมสถานการณ์ในเรื่องนี้ดีขึ้น ต่อไปกทม.จะทำในเรื่องนี้ให้ต่อเนื่อง อาจต้องมีการนำเทคโนโลยีมาช่วย โดยขอข้อมูล GPS จากกรมการขนส่งทางบกมาช่วยด้วย” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว 

● เตรียมมาตรการปลอดภัยดูแลช่วงเทศกาลลอยกระทง

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมมาตรการความปลอดภัยในช่วงเทศกาลลอยกระทงของกรุงเทพมหานคร ว่า  ได้กำชับผู้อำนวยการเขตดูแลพื้นที่จัดงานลอยกระทงของเขต โดยโป๊ะ ท่าน้ำ ต้องทดสอบด้วยการขย่มน้ำหนัก หากเห็นว่าไม่ปลอดภัยให้ปิดการใช้งานทันที และหากมีการใช้พื้นที่จัดงานที่มีเครื่องเล่น ผู้อำนวยการเขตต้องตรวจให้เข้มงวดด้วย รวมถึงระหว่างการจัดงานจะมีเจ้าหน้าที่เทศกิจ และเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตรวจพื้นที่ตลอดเวลา ร่วมกับการตั้งจุดหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร  และการใช้กล้อง CCTV และการเฝ้าระวังดูในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น

“โคมลอย พลุ สำนักงานเขตได้ตรวจสอบต่อเนื่องอยู่แล้ว ในช่วงจัดงานต้องมีแผนเรื่องความปลอดภัยเข้มข้น ซึ่งผู้จัดงานจะต้องขออนุญาตกับผอ.เขตก่อน หากไม่มีจะไม่สามารถจัดได้” รองผู้ว่าฯ ทวิดา เน้นย้ำเรื่องมาตรการป้องกันเหตุจากโคมลอยและพลุไฟ

“ลอยกระทงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะให้ที่ปรึกษาฯ พรพรหม (นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้บริหารด้านความยั่งยืนกรุงเทพมหานคร) วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของการลอยกระทงในระบบน้ำเปิดว่าเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายแล้วการลอยกระทงดิจิทัลอาจจะเหมาะกับยุคสมัยและลดปัญหาเรื่องขยะ เรื่องแันตรายที่อาจเกิดกับสัตว์น้ำไปได้ กระทงประเภทที่ย่อยสลายได้ หากมีปริมาณเกินไปก็อาจจะเน่าเสียได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามขนาดของกระทงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ อยู่ที่จิตใจไม่ใช่ขนาด ซึ่งขอให้ประชาชนได้เลือกใช้วิธีการที่เหมาะสม ” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว


 
ด้าน นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยเพิ่มเติมว่า  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหารือเรื่องของการจัดงานเทศกาลลอยกระทงกรุงเทพมหานครวานนี้ เบื้องต้น กรุงเทพมหานครจะจัดบริเวณสะพานพระราม 8 และคลองโอ่งอ่าง ซึ่งรูปแบบการจัดงานอยู่ระหว่างการหารือ และอาจนำการลอยกระทงรูปแบบดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์

● ลงพื้นที่จริง หาไอเดียต่อยอดดูแลประชาชน

วันนี้ (11 พ.ย.66) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ รองประธานสภากรุงเทพมหานคร คนที่หนึ่ง สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตคันนายาว นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นายนพ ชูสอน ผู้อำนวยการเขตคันนายาว และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกิจกรรมผู้ว่าฯ สัญจร ณ สำนักเขตคันนายาว 

ในช่วงเช้า คณะฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนผู้สูงอายุ คุณตาคุณยาย (หมู่บ้านเก้าแสนเจ็ด ซอยสวนสยาม 16 แขวงคันนายาว) ตรวจเยี่ยมศูนย์บริการสาธารณสุข 69 คันนายาว และเดินทางมายังสำนักงานเขตคันนายาว เพื่อรับฟังรายงานข้อมูลทั่วไป รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามนโยบาย รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนผ่านแพลตฟอร์ม Traffy Fondue 

ช่วงบ่าย ผู้ว่าฯ ชัชชาติ พร้อมคณะผู้บริหารกทม. และผู้บริหารเขต ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหา พบปะพูดคุยกับประชาชนและผู้นำชุมชนในพื้นที่เขต ประกอบด้วย 
จุดที่ 1 ตรวจการขุดลอกลำบึงกุ่ม (ซอยเสรีไทย 52 ถึงซอยเสรีไทย 50) จุดที่ 2 ชุมชนริมคลองหลอแหล เพื่อตรวจงานก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.ชนิดดาดท้องคลอง ลำรางสุเหร่าแดง (ลำบึงกุ่มถึงคลองแสนแสบ) และตรวจเยี่ยมชุมชนริมคลองหลอแหล จุดที่ 3 ตรวจเยี่ยมโรงเรียนคันนายาว (ธารินเจริญสงเคราะห์) ตามโครงการ Open Education ณ บริเวณลานกิจกรรมโรงเรียน (การเรียนการสอนตามโครงการสอนศาสนาวันหยุด และการฝึกอาชีพผ้ามัดย้อม) และจุดที่ 4 ตรวจเยี่ยมสวน 15 นาที (สวนน้ำคันนายาวภิรมย์) บริเวณปากซอยเสรีไทย 38 แยก 14 ถึงทางด่วนยกระดับบางนา-บางนาบาปะอิน โดยร่วมกันปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว

● สานสัมพันธ์บุคลากรกทม. ผ่านมื้ออาหารกลางวัน 

ภายหลังการให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกับบุคลากรของเขตคันนายาว จำนวน 5 คน ได้แก่ นางดวงพร ตันชุน ลูกจ้างประจำ ตำแหน่งพนักงานทั่วไป (กวาด) บ 2 นายชัยวัฒน์ เอี่ยมปั่น ลูกจ้างประจำ ตำแหน่งพนักงานทั่วไป (เก็บขนมูลฝอย) บ 2 นางสาววิไลวรรณ เบ็ญมาศ ลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งพนักงานทั่วไป (กวาด) นางสาวสงัด โคตรแก้ว ลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งพนักงานสวนสาธารณะ และนายอ่อนสี จรแก้ว ลูกจ้างประจำ ตำแหน่งพนักงานทั่วไป (ระบายน้ำ) บ 2 โดยรายการอาหารประกอบด้วย พะแนงไก่ ไข่ลูกเขย เนื้ออบ ซุปหางวัว และผลไม้รวม  ซึ่งการรับประทานอาหารร่วมกันนี้ เป็นการให้ความสำคัญกับบุคลากรทุกคนอย่างเท่าเทียมกันและไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ว่าฯ ได้มีโอกาสพูดคุยกับบุคลากรอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องส่วนตัว ครอบครัว ชีวิตความเป็นอยู่ ปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน สอบถามเรื่องทั่วไป รับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ และให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมขอบคุณที่ร่วมกันทำงานเพื่อประชาชน