In News

รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน มั่นใจตัวเลขเศรษฐกิจจะเติบโตเกินคาดไว้



กรุงเทพฯ-รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจัง มั่นใจตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเติบโตดีกว่าอัตราที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจัง ซึ่งมีสัดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับ GDP ของประเทศ

วันนี้ (13 พ.ย.66) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือ เรื่อง สภาวะตลาดหุ้น ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายหลังการประชุม ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีแถลงข่าวร่วมกับปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ 

นายกิตติรัตน์ย้ำว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องของตลาดทุนอย่างยิ่งรวมทั้งทิศทางในการพัฒนาในอนาคต ซึ่งทางนักลงทุนและประชาชนต่างให้ความสนใจภาวะตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาซึ่งดูจะมีความผันผวนและอ่อนแรงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้จากการที่ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถึงกรณีสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวมากคิดเป็นจำนวนร้อยละ ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เรามีฐานที่เคยอยู่ในระดับที่สูง นอกจากนั้นยังอาจจะมีข้อกังวลจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของปัจจัยพื้นฐานตามปกติ เรื่องของผลประกอบการ ความกังวลในเรื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงอาจจะมีเรื่องข้อสงสัยและข่าวลือในตลาดเรื่องของการ Short Sale หรือการขายหุ้นก่อนที่จะซื้อกลับคืน หรือใช้คำว่า naked short คือการขายออกโดยผู้ที่ขายไม่ได้มีหุ้นอยู่ในมือเลย หรือไม่ได้ยืมหุ้นจากสถาบันหรือองค์กรอื่น ๆ  ซึ่งหลายสิ่งดังกล่าวเชื่อว่าเป็นส่วนอธิบายภาวะตลาดหุ้นในขณะนี้

นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ได้อธิบายให้กับผู้บริหารทั้ง 3 ท่านได้เกิดความชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังบริหารเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การที่จะมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ทั้งในประเทศและต่างประเทศคาดการณ์เอาไว้ ซึ่งจะเห็นว่าการคาดการณ์นั้นจะอยู่ในตัวเลขที่ค่อยไม่สูงนัก แต่สิ่งที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) ดำเนินการในหลายเรื่อง มั่นใจว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเติบโตดีกว่าอัตราที่คาดการณ์กันอยู่ ทั้งนี้หลายเรื่องที่ได้มีการดำเนินการไปมากแล้วแต่ยังไม่อยู่ในช่วงเวลาที่จะแถลง โดยในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าจะเห็นหลายเรื่องที่ทำกันอยู่จะเกิดผลออกมา เช่น การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจัง ซึ่งมีสัดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับ GDP ของประเทศ วันที่13 พ.ย.66นี้ จะมีความชัดเจนในเรื่องของการแก้ไขปัญหาตรงนี้ว่าจะแก้ไขได้อย่างไร โดยไม่ต้องไปเอางบประมาณประจำปี ของรัฐบาลปีปัจจุบันหรือในอนาคตมาเพื่อให้เกิดการแก้ไข แต่เป็นการดำเนินการเร่งรัดการปฏิบัติต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ควรเป็น 

นอกจากนั้นนายกิตติรัตน์ได้กล่าวถึงเรื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดจากการพยายามที่จะเพิ่มการลงทุนในประเทศจากนักลงทุนต่างประเทศเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ ซึ่งการเดินทางประร่วมประชุมเอเปคก็ให้ความสำคัญที่จะดึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตขึ้นได้จากความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ โดยเชื่อว่าเรื่องที่ได้อธิบายให้ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวทั้ง 3 ท่านทราบจะทำให้ทั้ง 3 ท่านมีความมั่นใจและเข้าใจมากขึ้น

นายกิตติรัตน์กล่าวถึง ตลาดทุนที่นอกจากจะมองความกังวลในปัจจุบันที่คาดการณ์ตัวเลขที่ไม่สูงรวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับที่ถือว่าอันตราย หรือผลประกอบการบริษัทต่าง ๆ ที่อาจจะอยู่ในช่วงมีปัญหาบ้าง แต่ถ้ามองไกลออกไปสักนิดหนึ่งจะเห็นได้ว่าอนาคตที่ชัดเจนในทางบวกของเศรษฐกิจก็รออยู่ ซึ่งได้ถือโอกาสนี้อธิบายให้กับผู้บริหารทั้ง 3 ท่านทราบ

ส่วนประเด็นข้อกังวลของตลาดที่ระบุว่าในขณะนี้มีกลุ่มผู้ลงทุนมาทำการ Short Sale หรือ naked short Sale คือ การขายโดยไม่มีหุ้นอยู่ในความครอบครองหรือสิทธิที่จะขายนั้น นายกิตติรัตน์กล่าวว่า  เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้อธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและตนเองก็มีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ปฏิบัติอยู่ เป็นไปตามมาตรฐานที่ดีในภาวะที่เป็นปกติของการปฏิบัติในการกำกับให้เป็นตามกฎหมาย

ทั้งนี้การทำ naked short Sale เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ดังนั้นผู้บริหารของ ก.ล.ต. ทำหน้าที่ในการดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มแข็งอยู่แล้วเพื่อไม่ให้เกิดการปฏิบัติผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้มีการวิเคราะห์ร่วมกันยอมรับว่าโลกในขณะนี้ ในสายของผู้ลงทุนที่ใช้โปรแกรมเทรดิ้ง หรือโลกของผู้ลงทุนซึ่งมีสถาบันในการที่จะเป็นผู้รับฝากหุ้นต่าง ๆ นั้น มีความซับซ้อนมากขึ้นไปกว่าภาวะปกติ ซึ่งทาง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการมาแล้วและกำลังจะขยับไปสู่มาตรฐานใหม่ที่ถือว่ามีความสมบูรณ์แบบให้เกิดความมั่นใจว่าสิ่งที่เรียกว่า naked short Sale ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงขอขอบคุณทางผู้บริหารของ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงสิ่งที่ดำเนินการเป็นมาตรฐานสากลอยู่แล้วและจะมีการขับให้สูงเข้มข้นขึ้นไปอีก ทำให้เกิดความมั่นใจกับนักลงทุนได้

นอกจากนั้นนายกิตติรัตน์กล่าวว่า ทางปลัดกระทรวงการคลัง จะเร่งผลักดันให้มีกองทุนสำหรับผู้ลงทุนทั้งสถาบันและประชาชน เน้นการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือ ESG Fund ซึ่งจะบริหารโดยบริษัทที่จัดการลงทุนที่มีใบอนุญาต และลงทุนโดยบริษัทที่จะทะเบียนในตลาด ทำให้ตลาดทุนมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนวงเงินของกองทุนนี้ บริษัทจัดการลงทุนเชื่อว่าการตั้งกองทุนในลักษณะ ESG Fund จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนทั้งจากสถาบัน และประชาชนในปริมาณที่สูง แต่การจะสรุปว่าเป็นยอดวงเงินเท่าไร จะหารือในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย. 66) พร้อมย้ำว่ากองทุนดังกล่าวไม่ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อพยุงหุ้นตก แต่จะทำให้หุ้นกลุ่ม ESG ได้รับการลงทุนระยะยาวมากขึ้น