Biz news

แนะธุรกิจพลังงานไทยปรับตัวหลังโควิด



กรุงเทพฯ-PwC ประเทศไทยแนะธุรกิจพลังงานไทยนำหลักการระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิต ชี้สามารถสร้างรายได้กลับคืนสู่ธุรกิจได้ถึงปีละ 10 ล้านบาทพร้อมคาดการแพร่ระบาดของโควิด-19จะกระตุ้นให้ทั่วโลกเร่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์และส่งผลให้แนวโน้มการใช้พลังงานฟอสซิลลดลง

นางสาว อมรรัตน์ เพิ่มพูนวัฒนาสุข หัวหน้าสายงานธุรกิจพลังงาน และหุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชี บริษัท PwC ประเทศไทยเปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากผลกระทบของการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ถูกเร่งตัวขึ้นหลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ ลักษณะของตลาด และรูปแบบธุรกิจของอุตสาหกรรมเปลี่ยนไปรวมถึงกระแสการร่วมมือกันทางด้านสิ่งแวดล้อมของภาครัฐและองค์กรธุรกิจชั้นนำทั่วโลกที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์สุทธิ (Net Zero emissions) ภายในปี 2593 ตามปณิธานขององค์การสหประชาชาติ 1

“การมุ่งสู่นโยบาย Net Zero ของทั่วโลกจะนำไปสู่การลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลประเภทน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินที่ถือเป็นตัวการหนึ่งในการทำลายภูมิอากาศของโลก ซึ่งจะส่งผลให้ขนาดของตลาดเชื้อเพลิงเหล่านี้หดตัวลงขณะที่ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานที่เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจดั้งเดิมไปสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนจะสามารถนำทรัพยากรมาใช้หมุนเวียนได้ไม่จำกัดและส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยมาก เราคาดว่า ในอนาคตจะเห็นผู้ประกอบการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและประสิทธิภาพของธุรกิจรวมทั้งลดความเสี่ยงจากแนวโน้มการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่สามารถทดแทนได้งานที่จะลดลงเรื่อย ๆ” นางสาว อมรรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มประเทศมหาอำนาจอย่าง สาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา รวมถึงญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ได้ตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 ขณะที่สหภาพยุโรป ได้ประกาศแผนนโยบายข้อตกลงยุโรปสีเขียว 2 (European Green Deal) เพื่อแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายข้างต้นเช่นกั

นอกจากนี้ องค์กรธุรกิจชั้นนำทั่วโลกกว่า 400 แห่งรวมทั้ง PwC ยังได้ร่วมลงนามในโครงการรณรงค์ “Business Ambition for 1.5°C- Our Only Future” ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อร่วมกันจำกัดอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียสและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 3อุตสาหกรรมพลังงาน กับระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน

นางสาว อมรรัตน์ กล่าวว่าการตื่นตัวในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลให้ทุกอุตสาหกรรมปรับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน(Circular Economy) ที่มุ่งเน้นการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรและพลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดและปลดปล่อยของเสียออกมาให้น้อยที่สุด ซึ่งแนวคิดดังกล่าว จะทำให้อุตสาหกรรมพลังงานฯ ต้องเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจใหม่โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับห่วงโซ่คุณค่าขององค์กรตั้งแต่กระบวนการผลิตและการจัดการวัตถุดิบไปจนถึงการนำหลักการหมุนเวียนพลังงานและทรัพยากรมาใช้เพื่อหาตลาดและธุรกิจใหม่ ๆ เช่น การผลิตพลังงานไฮโดรเจนด้วยขยะรายงาน Taking on tomorrow: The rise of circularity in energy, utilities and resources ของ PwC 4 ได้แนะนำ 6แนวทางในการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ซึ่งประกอบไปด้วย (1)การใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น (2) เพิ่มการรีไซเคิล (3) ลดการสูญเสียทรัพยากร (4)ริเริ่มการเป็นผู้นำระบบการใช้วัตถุดิบและทรัพยากรหมุนเวียน (5) สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการเป็นพันธมิตรห่วงโซ่อุปทาน และ (6)ทบทวนรูปแบบธุรกิจ

นางสาว อมรรัตน์ กล่าวต่อว่า จากการที่ไทยได้เข้าร่วมในความตกลงปารีส 5และกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 20-25 ภายในปี 2573 ในสาขาพลังงาน การคมนาคมขนส่งกระบวนการทางอุตสาหกรรม และการจัดการของเสีย ยิ่งเป็นการส่งสัญญาณให้บริษัทในกลุ่มธุรกิจพลังงานของไทยต้องปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจเพื่อมุ่งไปสู่การใช้พลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับผลประกอบการและสร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้า คู่ค้า ชุมชน นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หันมาคำนึงถึงการเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social andGovernance: ESG) มากขึ้น

นอกจากนี้ การสร้างรายได้จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่ลดลงได้ด้วยการขายคาร์บอนเครดิตให้กับบริษัทอื่นกำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีบริษัทในกลุ่มธุรกิจพลังงานของไทยเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่เริ่มขายคาร์บอนเครดิตโดยผ่านนายหน้า และสามารถสร้างรายได้กลับคืนมาสู่ธุรกิจได้ถึงปีละ 10 ล้านบาท ซึ่งหากผนวกแนวทางนี้เข้ากับการปรับเปลี่ยนไปสู่พลังงานหมุนเวียนก็จะยิ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับการดำเนินงานและหาช่องทางทำรายได้ใหม่ๆ ได้อีกทางหนึ่ง นางสาว อมรรัตน์ กล่าว