In News

นายกฯชู'แลนด์บริดจ์'เป็นอนาคตของไทย เกิดการลงทุนยกระดับรายได้ของชาติ



กรุงเทพฯ-นายกฯ หวังให้โครงการแลนด์บริดจ์ ช่วยให้คนรุ่นใหม่วางแผนอนาคต เกิดการลงทุน ยกระดับรายได้ เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 

วันนี้ (12 พฤษจิกายน 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  กล่าวว่า จะใช้โอกาสในการเดินทางเข้าร่วมประชุมเอเปคในครั้งนี้เชิญชวนนักลงทุนมาลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเมื่อโครงการนี้เกิดขึ้นจะเกิดอุตสาหกรรมใหม่ และ จะขยายเป็นฐานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะภาคการเกษตร แต่จะมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเกิดขึ้นด้วย ซึ่งจะยกระดับรายได้ประชาชน และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น

สำหรับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในการพบกับนักลงทุนในสหรัฐ นายกรัฐมนตรี กล่าวทุกครั้งที่เดินทางต่างประเทศ ได้แจ้งความคืบหน้า และก็จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน รวมถึงยังเป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ตัดสินใจวางอนาคต แม้โครงการยังไม่เกิดขึ้นทันที ต้องใช้เวลานาน แต่ก็จะเชื่อว่า คนรุ่นใหม่จะเล็งเห็นโอกาส จากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และ อาจจะตัดสินใจไม่ย้ายประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องสร้างแรงบันดาลใจ เพราะประเทศเราต้องดีขึ้น หากเรามีเขตอุตสาหกรรมที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ และคนไทยมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่จะร่วมกันพัฒนา ก็จะเป็นจุดศูนย์กลางที่จะหล่อหลอมให้สังคมดีขึ้นได้ 

สำหรับข้อเสนอที่จะจูงใจนักลงทุน ให้เลือกมาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ของไทยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีทั้งมาตรการทางภาษี พลังงานสะอาดที่รัฐบาลให้ความสำคัญ การบริหารจัดการน้ำในภาคอุตสาหกรรม การเป็นศูนย์กลางการบิน มีรถไฟความเร็วสูง ท่าเรือแหลมฉบัง สำหรับโลจิสติกส์และแลนด์บริดจ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะเป็นปัจจัยสำคัญให้นักลงทุนตัดสินใจ 

ส่วนในมิติสังคม ประเทศไทยไม่แตกแยกเท่าบางประเทศ แม้ย่อมมีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ นักลงทุนต่างชาติจะดูตรงนี้เป็นหลัก อีกทั้ง ไทยยังมีโรงเรียนและสถานพยาบาลมาตรฐานระดับโลก ซึ่งเป็นปัจจัยต่อการตัดสินใจของนักลงทุนเช่นกัน