In Thailand
กลุ่มโรงแป้งมันสำประหลังโคราชวอนรัฐฯ ขอนำมันทดแทนมันไทยที่ขาดแคลน
นครราชสีมา-กลุ่มโรงแป้งมันสำประหลังโคราช วอนรัฐบาลอนุญาตินำมันจากต่างประเทศ เข้ามาทดแทนมันไทยที่ขาดแคลน หวั่นไม่เพียงพอส่งออก จนเกิดความเสียหาย
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์เรื่องราคามันสำปะหลังแพงขึ้น สืบเนื่องจากอดีตที่ผ่านมาราคามันสำปะหลังโดยเฉพาะแปรรูปเป็นแป้งกิโลกรัมละ 12 บาท ปัจจุบันซึ่งมีราคาพุ่งไปถึง 18 บาท ที่ผ่านมาที่ปีที่แล้วในเรื่องการขาดแคลนผลผลิตมันสำปะหลัง เกษตรกรส่วนได้นำท่อนพันธ์ที่ไม่สมบูรณ์ไปปลูก ส่งผลทำให้การเจริญเติบโตของต้นมันนั่นยาก อีกอย่างสถานการณ์โลกปัจจุบันนั่น ภาวะโลกร้อนขึ้นทำให้เกิดการเพาะปลูกได้ยาก อีกปัจจัยนึงคือการแบนสารพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และ ไกลโฟเซต สารเคมีจำนวน 3 ชนิด ซึ่งแต่ก่อนเกษตรกรต้องซื้อมาพ่นจำนวน 3-4 ครั้ง ในราคาแกลอนละ 500-600 บาท แต่ปัจจุบันนี้พบว่ามีสารตัวใหม่เข้ามาก็พบว่าเกษตรต้องไปซื้อเกลอนละ 1000-1200 บาทและต้องฉีดถึง 9-10 ครั้ง ซึ่งตรงนี้ทางเกษตรกรก็รับมือต้นทุนไม่ไหว ต้องจ้างคนมาฉีดอีกก็เป็นค่าใช้จ่ายเหมือนเดิม ปัจจัยหลักตอนนี้ที่ส่งผลทำให้มันสำปะหลังราคาตกต่ำคือ ต้นพันธ์ ยา ซึ่งสารเคมีปัจจุบันส่งผลทำให้สารเคมีตกค้างมากกว่าตัวเก่า ส่วนที่ส่งผลนอกจากมันสำปะหลังแล้วก็เป็นอ้อยหรือพืชผลทางการเกษตรอื่นๆอีกด้วย
ส่วนปัญหาเรื่องดินนั่นตนมองว่าหากแก้ปัญหาในเรื่องของในการระเบิดดินดาน การนำปุ๋ยขึ้ไก่หรือปุ๋ยจากวัชพืชผลผลิตก็ตกไร่นึงก็ประมาณ 5-6 ตัน จากในอดีตที่ปลูกนั้นแค่ 2.8-3 ตันเท่านั้น คือการแก้ปัญหาอย่างดีในเรื่องดิน ส่วนในเรื่องการนำเข้าของจากประเทศเพื่อนตนก็มองว่าเป็นเรื่องดี เพราะทำการค้าก็มีลูกค้าอยู่ที่ประเทศไทย ไม่งั้นก็จะหลุดไปอยู่ที่เวียดนามหรือประเทศใกล้เคียง ส่วนเรื่องคุณภาพมันยกตัวอย่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างสปป.ลาว คุณภาพมันสำปะหลังดีกว่าบ้านเรา เพราะว่าคุณภาพดินยังใหม่อยู่ ถ้าหากเราไม่นำเข้ามาก็จะประสบปัญหาขาดแคลนมันสำปะหลังและหลุดออเดอร์ไปอยู่ที่อื่นอีก ในส่วนของโรงงานที่ได้ข่าวว่าไม่มีการรับซื้อมันสำปะหลังเนื่องราคาที่สูง ตนมองว่าไม่เป็นความจริงเพราะกรณีที่โรงงานไม่รับเกรงว่าจะเป็นในส่วนปริมาณของมันสำปะหลังไม่ตรงจำนวน ทั้งนี้การช่วยเหลือของรัฐบาลตนมองว่าภาระของรัฐบาลเยอะอยู่แล้ว ไม่น่าจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้ในเรื่องการอุดหนุนผู้ประกอบการ เพราะวิกฤติที่ผ่านในเรื่องโควิด 19 ที่ส่งผลกับเศรษฐกิจแย่ลง งบประมาณก็มีจำกัด แต่ตนมองว่าอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาให้ถูกทางสำหรับเรื่องนี้และเหมาะสมที่สุด
ตนในฐานะเป็นอดีตรมช.กระทรวงพาณิชย์ปัญหาตอนนี้เรื่องอ้อยที่มีราคาสูงและน้ำตาลกลายเป็นสินค้าควบคุมการจำหน่าย ตนมองว่ามันสำปะหลัง อ้อยและปาล์ม มีโอกาสที่จะล้นตลาดนั่นยากมาก ยกตัวอย่างอ้อยนี้สามารถนไปแปรรูปอย่างเช่นกากน้ำตาลไปทำเป็นเอทานอลได้ ต้นทุนถูกมาก ชานอ้อยก็นำไปปั่นกระแสไฟฟ้า น้ำบัดบัดก็นำไปทำเป็นแก๊ส NGV ทั้งหมดนี้มันสำปะหลัง ปาล์มและอ้อย มีผลต่ออุตสาหกรรม อาหารและพลังงานเป็นอย่างมาก ไม่มีทางที่ราคาลงอย่างแน่นอน ในเรื่องนี้รัฐบาลควรผลักดันให้เกิดขึ้นด้วย ตอนที่ตนยังดำรงตำแหน่งอยู่ตนก็ได้ให้คำปรึกษาชี้แนะในเรื่องนี้ พลังงาน อุตสาหกรรมและอาหาร ก็สามารถทำรายได้อย่างดีให้ภาครัฐ แต่ตนได้สารต่อไม่จบเนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพจึงได้ลาออกจากรัฐมนตรีเสียก่อน
ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา