In News

เผย5ภารกิจ3ข้อสงสัยกับนายกฯที่เอเปค หารือเอกชนชั้นนำสหรัฐฯ-นายกฯญี่ปุ่น



ประมวลข่าวนายกฯประชุมเขตเศรษฐกิจเอเปคที่สหรัฐอเมริกา ล่าสุดนายกฯ พบหารือภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ เพิ่มพูนโอกาสความร่วมมือด้านการเงิน ดิจิทัลเทคโนโลยี และ Soft power เอกชนชั้นนำต่างตระหนักถึงศักยภาพของไทยพร้อมพิจารณาร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์สีเขียวอย่างยั่งยืน  ก่อนหน้านี้​“นายกฯ”เผย ชวน TikTok เปิดศูนย์เทรนใช้งานแพลตฟอร์มในไทย หวังใช้ TikTok โปรโมทซอฟพาวเวอร์/เรื่องประมงเวียดนามรุกบุกน่านน้ำอ่าวไทยกว่า100ลำกองทัพเรือ ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง แต่สั่งการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบกระทำผิดจริงดำเนินคดีตามกฏหมาย/นายกฯ” ทวิภาคี “นายกฯญี่ปุ่น” เผยเตรียมคุยเปิดฟรีวีซ่านักธุรกิจช่วงประชุมอาเซียน-ญี่ปุ่น 16-18 ธ.ค.นี้/​นายกฯ เผย เพิ่งรู้นักลงทุนรายย่อยจ่อหยุดเทรด/​นายกฯขออย่าวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต /​“นายกฯ”ยัน ไม่ติดใจ “ผู้ว่าฯ ททท.” ปม ผุดไอเดีย ดึง ตร.จีน ลาดตระเวน ชี้ ทำถูกมากว่าผิด ลั่น คนทำงานต้องมีพลาดบ้างและ​“นายกฯ”ยัน ไม่ติดใจ “ผู้ว่าฯ ททท.” ปม ผุดไอเดีย ดึง ตร.จีน ลาดตระเวน ชี้ ทำถูกมากว่าผิด ลั่น คนทำงานต้องมีพลาดบ้าง

นายกฯ พบหารือภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ เพิ่มพูนโอกาสความร่วมมือด้านการเงิน ดิจิทัลเทคโนโลยี และ Soft power

วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2566) (ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก ซึ่งช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบหารือกับผู้บริหารภาคเอกชนชั้นนำสหรัฐฯ สรุปสาระสำคัญดังนี้

บริษัท Citi โดยบริษัท Citigroup เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการเงิน เช่น ธุรกรรมทางการเงิน บริการด้านวาณิชธุรกิจ และการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ เป็นต้น ให้แก่ลูกค้าบริษัท องค์กร องค์กรระหว่างประเทศ ตลอดจนบุคคลธรรมดา บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปี 2510 ภายใต้บริษัท The Commercial Credit Corporation (Thailand) Ltd. โดยให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าองค์กร สถาบันและลูกค้าบุคคลมากกว่า 1 ล้านราย โดยบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจในไทยมายาวนาน พร้อมชื่นชมนโยบาย EV และแบตเตอร์รี่ของรัฐบาล และพร้อมร่วมกับไทยจัด Roadshow โครงการ Landbridge เพื่อชักชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุนในโครงการ

บริษัท Tiktok เป็น Application เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เน้นสร้าง และแชร์คลิปวิดีโอสั้น พัฒนาโดยบริษัท ByteDance ปัจจุบันมีผู้ใช้งานรวมมากกว่า 1,500 ล้านราย โดยในอาเซียนมีผู้ใช้งานมากกว่า 325 ล้านราย และมีการใช้งานจากภาคธุรกิจกว่า 15 ล้านรายต่อเดือน ทั้งนี้ ByteDance ถูกจัดว่าเป็นสตาร์ทอัพที่กลายเป็นยูนิคอร์นที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการ ตามรายงานของ Top 500 Unicorn Startups ประจําปี 2023 ของนิตยสาร The CEOWORLD

ผู้บริหารบริษัทฯ ชื่นชมและยินดีที่ประเทศไทยมีผู้ใช้ Tiktok จำนวนมาก ทั้งนี้บริษัทฯ มีความพยายามที่จะเดินหน้าสู่ภาคการศึกษา พร้อมเห็นว่าการค้าบน Tiktok มีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างมากโดยนายกฯ กล่าวเชิญชวนบริษัทให้ร่วมพัฒนา Soft power ในจังหวัดเมืองรองของทุกภูมิภาคของไทย ที่มีสินค้าท้องถิ่น (OTOP) ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ซึ่งจะช่วยส่งเสริมสินค้าและบริการในอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ นายกฯ หวังว่า บริษัทจะพิจารณาเปิด Training center ในไทยเพื่อกระจายรายได้ ซึ่งบริษัทพร้อมพิจารณาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ โดยบริษัทมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของอินโดนีเซียในการสอนความรู้ทั่วไป อาทิ การเขียน resume การทำอาหาร ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม soft power ได้ โดยมีผู้ชมถึงกว่า 1 พันล้าน view โดยนายกฯ หวังที่จะร่วมมือในเรื่องนี้ พร้อมเชิญชวนให้บริษัทฯ ตั้งศูนย์ฝึกอบรม (Training center) เพื่อร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนนธุรกิจในไทยอีกด้วย ซึ่ง BOI พร้อมหามาตรการเพื่อส่งเสริมการลงทุน

บริษัท Booking.com ประกอบด้วยธุรกิจ 3 อย่าง booking.com, Agoda และ OpenTable โดย Agoda มีสำนักงานใหญ่ในไทย และมีพนักงานหลายพันคนจากไทยและหลากหลายสัญชาติ ที่ผ่านมามีความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อร่วมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในไทย บริษัทฯ ชื่นชมนโยบาย Soft power ของไทย และได้ทราบว่าพึ่งมีการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ จึงอยากทราบรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น โอกาสนี้ นายกฯ หวังที่จะให้บริษัทฯ มีส่วนร่วมในการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการเที่ยวเมืองรอง โดยรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ไทยเป็น World Festival Destination ที่สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งบริษัทฯ พร้อมร่วมมือในเรื่องนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว 

ในขณะที่ OpenTable มีสาขาในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐฯ และออสเตรเลีย แต่ยังไม่มีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งบริษัทสนใจและกำลังพิจารณาที่อาจจะเปิดสาขาในไทย ส่วนบริษัท Booking.com บริษัทฯ เห็นว่าหากไทยมีสิทธิประโยชน์ (incentives) ที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจในไทย ก็พร้อมที่จะพิจารณาเปิดบริษัทฯ ในไทย

นายกฯเผย ชวน TikTok เปิดศูนย์เทรนใช้งานแพลตฟอร์มในไทย หวังใช้ TikTok โปรโมทซอฟพาวเวอร์

นายเศรษฐากล่าวถึงการพบกับผู้บริหาร TikTok ว่า ทางผู้บริหารเดินทางมาพบเอง ซึ่งไม่แปลกใจเพราะในประเทศไทย มีผู้ใช้งาน 43 ล้านคน ถือว่าสูงมาก เพราะทุกคนนิยมลงใน TikTok จึงต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรที่เราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้เขาได้ประกอบธุรกิจที่ดี ขณะเดียวกันก็ช่วยเหลือประชาชนคนไทยด้วยเหมือนกัน เช่น เรื่องของโอท็อป 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองได้บอกไปว่าประเทศไทยไม่ได้มีแค่เชียงใหม่ ภูเก็ต หรือ กรุงเทพฯ แต่มีหลายจังหวัด และมีความต้องการการโปรโมทบริการ รวมถึงซอฟพาวเวอร์สินค้าไทย เรื่องคืออาหาร เนื่องจากหลายคนได้ใช้แพลตฟอร์มTikTok ลงคลิปทำอาหาร ที่เป็นคลิปสั้นๆ สนุกสนาน ทำให้มีคนเขามาดูจำนวนมาก และขณะนี้เราได้ฝึกอบรมให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดเลือกและให้ทางTikTok เข้ามาช่วยฝึกหัด รวมถึงซอฟทาวเวอร์ด้านอื่นของไทย โดยขอให้มาสร้างศูนย์ฝึกอบรมในไทยเพื่อคำแนะนำในการเล่นโซเชียลมีเดียที่มีประสิทธิภาพสูง ขณะที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)ได้เสนอสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพื่อจูงใจ ซึ่งทางTikTok ให้ความสนใจ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือกับผู้บริษัท Booking.com ว่า ตั้งแต่เราประกาศวีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน มีคนเข้ามาดูเว็บไซต์เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า แต่ยังไม่ดีพอ มองว่าสามารถทำให้เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ได้มากกว่านั้น ทั้งนี้ บริษัท Booking.com ก็เป็นเจ้าของ Agoda และมีพนักงานหลายพันคนเป็นคนไทย และอีกหลายส่วนเป็นชาวต่างชาติ  ขณะเดียวกันเรามีการโปรโมทเรื่องการท่องเที่ยวและ ซอฟต์เพาเวอร์ โดยผู้บริหารบริษัท Booking.com ระบุว่าจะติดต่อไปยังผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อหาทางในการปรับภาพใหญ่ให้เกิดประโยชน์ทั้งสองทาง และเขาก็ดีใจที่ผู้นำระดับประเทศให้ความสำคัญ

นายกให้กองทัพเรือ ตรวจสอบแล้วกรณีเรือประมงเวียดนามกว่า 100 ลำบุกน่านน้ำอ่าวไทยไม่เป็นความจริง

นายกฯกล่าวถึงกรณีที่มีเรือประมงของเวียดนามรุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำอ่าวไทยที่จังหวัดนครศรีธรรมราชกว่า 100 ลำ ว่า กองทัพเรือได้ออกมาแถลงการณ์แล้วว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งได้สั่งการให้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำให้มีการลาดตระเวนตรวจสอบให้ดี หากมีข้อมูลใหม่ขอให้รายงานให้ตัวเองรับทราบ พร้อมยินดีรับฟัง เพราะเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง ในเรื่องน่านน้ำเพราะประเทศไทยมีทรัพยากรที่ดี ซึ่งในระยะหลังทุกคนทราบดีว่ามีปัญหาเรื่องการทำประมงผิดกฎหมายหรือ IUU ชาวประมงไทยไม่สามารถออกไปจากปลาได้ ซึ่งจะเห็นว่าในช่วง4-5 ปีให้หลังน่านน้ำไทยมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น 

ทั้งนี้ ต้องให้เกียรติฝ่ายความมั่นคง ก่อนพร้อมกับสั่งการให้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบมีการกระทำผิดจริงต้องดำเนินคดีตามกฏหมายอย่างจริงจัง

​“นายกฯ”ทวิภาคี“นายกฯญี่ปุ่น”เผยเตรียมคุยเปิดฟรีวีซ่า

 นายเศรษฐา กล่าวถึงการหารือทวิภาคี กับนายคิชิดะ ฟูมิโอ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่30 ว่า หารือเรื่องของความสัมพันธ์ที่มีมานาน 50 ปี และหารือเรื่องการใช้รถยนต์สันดาป โดยตนเองให้ความมั่นใจกับทางญี่ปุ่นไปว่าจะไม่ทอดทิ้ง มีการพูดคุยกันว่าให้การประกอบรถยนต์สันดาปของญี่ปุ่น และกระบวนการจัดการผลิตอยู่ได้ ขณะที่รถไฟฟ้า(อีวี) ที่มีความต้องการสูง และได้พูดในหลายเวทีว่าประเทศญี่ปุ่นมีการลงทุนในประเทศไทยสูงที่สุดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จึงต้องมาดูแลช่วยเหลือกัน และทางญี่ปุ่นยืนยันว่าธุรกิจยานยนต์เป็นธุรกิจสำคัญและจะพัฒนาต่อในประเทศไทย และในระหว่างวันที่ 16- 18 ธ.ค.นี้ ตนเองจะเดินทางไปร่วมประชุมอาเซียน ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังพูดคุยอีกหลายเรื่อง เช่น การฟรีวีซ่าสำหรับนักธุรกิจของสองประเทศ ที่ทั้งสองฝ่ายมีการตกลงเห็นตรงกันว่าไม่จำเป็นต้องขอ เพื่อให้นักธุรกิจ ติดต่อธุรกิจและไปมาหาสู่สะดวกมากขึ้น เป็นเรื่องที่ดีที่สองฝ่ายเห็นตรงกัน 

ผู้สื่อข่าวถามเรื่อง วีซ่านักธุรกิจ จะจำกัดจำนวนวัน ในการเข้ามาพำนักเพื่อประกอบธุรกิจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มี เป็นหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ต้องไปศึกษา โดยการทำธุรกิจต้องใช้เวลานานเล็กน้อย ส่วนรายละเอียดคาดว่าจะตกลงกันได้ในระหว่างการไปร่วมประชุม

นายกฯ เผย เพิ่งรู้นักลงทุนรายย่อยจ่อหยุดเทรด

นายกฯกล่าวถึงกรณีปัญหาในตลาดหุ้น หลังจากมีกระแสข่าวว่านักลงทุนรายย่อยนัดหยุดเทรดในวันที่ 20 พ.ย.นี้ จากวิกฤติความเชื่อมั่น ว่า ตนเองยังไม่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องนี้จนมีปัญหาหยุดเทรด ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องมีการสอบถาม ทั้งนี้ ในระยะยาวรัฐบาลไม่ได้ออกมาตรการที่เป็นลบต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่พยายามทำหลายๆ อย่างให้ดีขึ้น แต่จะดีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของนักลงทุน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันจันทร์ที่ผ่านมา (13พ.ย.) ได้ให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ให้ออกนโยบายออกมา จึงไม่ทราบว่าอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้หรือไม่

ส่วนกรณีการขายชอร์ต (Short Selling) ที่เชื่อว่าจะมีการเมืองมาแทรกแซงในตลาดหุ้นนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก.ล.ต.ตรวจสอบแล้วไม่มี และตนเองอยากถามกลับว่าเขาจะให้ทำอะไร คุยกับใคร ซึ่งการที่ให้นายกิตติรัตน์ไปหารือกับก.ล.ต.มีแต่สถานการณ์ดีขึ้น แต่ดีมากหรือดีน้อย ตนไม่ทราบ อยากจะให้ตนทำอะไรขอให้บอก ไม่ใช่ตนเองไม่อยากทำ เพราะการพูดคุยกับนักลงทุนรายย่อยซึ่งมีเป็นแสนคนจะให้ตนเองไปคุยกับใคร ภาษีจากธุรกรรมการขายก็ไม่ได้เก็บ ภาษีจากกำไรการขายหุ้นก็ไม่ได้เก็บ นโยบายการลงทุนกองทุนเอทีเอฟก็ออกมาให้ตามที่ต้องการ หากจะต้องการอะไรบอกมา ตนเองไม่ได้ประชด หรือว่าอารมณ์เสีย แต่อยากรู้ว่าต้องการอะไรหรือไม่ จะได้จัดให้ และมีอะไรใหม่ที่อยากได้

“ผมไม่ได้อะไรเลยเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ ผมไม่ได้ยุ่งอะไรเลย ไม่ได้รบกวน ไม่ได้ไปทำให้ใครมีปัญหา ซึ่งวันนั้นผมก็อารมณ์เสียใส่ดีเอสไอไปเรื่องหุ้นมอร์ และหุ้นสตาร์ค ซี่งเป็นเรื่องสำคัญที่ความไว้วางใจในตลาดมีน้อย เรื่องเกิดมานานเท่าไหร่ ยังไม่จบเสียที ติดอยู่ที่ดีเอสไอ ไม่ใช่เรื่องหมูอย่างเดียว”  นายกรัฐมนนตรี กล่าว

​นายกฯ เผยมีนัดดินเนอร์กับ"โจ ไบเดน"และทวิภาคีกับ"จัสตินทรูโด"16 พ.ย.นี้

นายเศรษฐา กล่าวถึงภารกิจ ที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา วันนี้ ว่า ได้พบกับผู้บริหารบริษัท Citi ได้พูดคุยประเด็นแลนด์บริดจ์ที่อยากให้  Citi จัดสัมมนาและเชิญไทยไปพูดคุยจะได้เชิญชวนนักธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องพูดคุย รวมถึงจัดโรดโชว์ในทุกทวีป ซึ่ง  Citi ยืนยันสนับสนุนไทยในทุกมิติ

ส่วนการประชุมชุม CEO Summit ได้ใช้เวทีนี้ เน้นย้ำว่าประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับนักลงทุน ไม่มีเวลาไหนที่ดีไปกว่าเวลานี้ ที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 43 ของ SDG Index เราเป็นที่หนึ่งในอาเซียน 

การพบกับผู้บริหารไมโครซอฟต์ โดยไตรมาสที่ 1 ปีหน้าจะเดินทางไปไทย รัฐบาลจึงขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ พร้อมเชิญภาคเอกชนเข้าไปพูดคุยลักษณะการจับคู่ทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มช่องทางการพัฒนาดิจิทัลในไทยให้เข้มแข็งขึ้น

สำหรับบรรยากาศการพบปะกับผู้บริหารระดับสูงในงาน CEO Summit ถือเป็นโอกาสที่ดีของไทย ภายในงานมีการออกบูธของบริษัทชั้นนำเช่น บริษัท โบอิ้ง นำเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับ ขนส่งคนได้ ซึ่งคาดว่าจะนำมาขายเชิงพาณิชย์ได้ประมาณ​ 7-8 ปีข้างหน้า เดินทางได้ 160 ไมล์ ประมาณ 3 สหรัฐฯต่อคน ขณะที่ผู้ประกอบการไทยก็ได้มาบอกบูธเช่นกัน 

ส่วนภารกิจในวันพรุ่งนี้ จะพบกับนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนนาดา คนที่ใส่ถุงเท้าสวยๆ หล่อด้วย เคยมาไทย ซึ่งต้องไปรับฟังความเห็นก่อน รวมทั้งพบหารือกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เกี่ยวกับการค้าและการท่องเที่ยว และหารือกับประธานาธิบดีเปรู รวมถึงรับประทานอาหารค่ำร่วมกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะหารือในหลายประเด็น รวมไปถึงการพบกับนางกีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เป็นสุภาพสตรีที่เก่งและเข้าใจธุรกิจการค้าการลงทุนเป็นอย่างดี

​นายกฯขออย่าวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 

นายกฯกล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายที่ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาล ว่าไม่ตรงกับที่หาเสียงเอาไว้ว่า หากเรายึดมั่นกับสิ่งที่พูดไปโดยไม่ฟังความคิดเห็น ก็จะโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ต้องปรับปรุงแต่งเติมบ้างตามข้อคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะของทุกภาคส่วน และไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ พยายามรับฟังอยู่ วันนี้ก็รับฟัง อะไรที่ไม่ก้าวร้าวก็พร้อมจะรับฟัง 

ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าการดำเนินการโครงการไม่ตรงกับที่หาเสียงเอาไว้ โดยอ้างว่าเป็นเพียงเทคนิคในการหาเสียง อย่างเช่น บอกว่าจะไม่กู้เงิน แต่รัฐบาลก็ก็กู้  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกสิ่งที่พูดไปนั้น พยายามทำให้ได้อย่างที่พูดแต่ต้องมีการปรับปรุงแต่งเติมกันบ้าง แล้วแต่จะคิดไม่อยากไปตอบโต้ สำหรับคำพูดที่ว่าจะทำแล้วไม่ทำ อย่าเอาความคิดของท่านมาให้ผมเลย ต่างคนต่างคิดต่างคนต่างทำมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นหน้าที่ของท่านที่ท่านจะพูด ส่วนผมก็เป็นหน้าที่ของผมที่ผมจะทำ

สำหรับกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการยังเหมือนเดิมหรือไม่หรือต้องรอความชัดเจนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน นายกรัฐมนตรีระบุว่า เข้าใจว่า ตอนที่เราดูเรื่องไทม์ไลน์ไปแล้วเราดูเรื่องกฤษฎีกาแล้ว ว่าเราก็มีเวลาให้กฤษฎีกา ซึ่งไม่ต้องการไปกดดัน ว่าจะมีการประชุมเมื่อไหร่อย่างไร แต่ขณะนี้ยืนยันว่ายังคงอยู่ในไทม์ไลน์และตั้งใจจะดำเนินการโครงการนี้จริงๆ ไม่ใช่หาทางออกและการที่หลายหลายคนบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อยากให้ทุกฝ่ายตรวจสอบได้ รัฐบาลจึงดำเนินการให้มี พรบ. ให้สภาสามารถตรวจสอบได้ ต้องให้เกียรติทุกภาคส่วน ไม่มีอะไรที่ทำแล้วทุกคนพอใจแต่ต้องพยายามทำเพื่อประชาชน วันนี้เรื่องของการหาเสียงจบไปแล้ว ถึงเวลายกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน และจะพยายามทำให้ดีที่สุด

​“นายกฯ”ยันไม่ติดใจ“ผู้ว่าฯททท.”ปม ผุดไอเดียดึงตร.จีนลาดตระเวน

วันนี้ ( 15 พ.ย. 2566) เวลา 16.30 น.  (ตามเวลาท้องถิ่นนคร ซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ ช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง ) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยกับ นางสาว ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่ออกมายอมรับว่าสื่อสารผิดพลาดกรณีที่ระบุว่าจะนำตำรวจจีนลาดตระเวนตามจังหวัดท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรองของไทย หรือยัง ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการพูดคุยเคลียร์ใจกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่ได้มีอะไรกับผู้ว่าฯททท. ไม่ได้โกรธไม่ได้น้อยใจ ไม่ได้มีปัญหาคนเราพูดผิดกันได้  เข้าใจว่าผู้ว่าฯ ททท. ทำงานหนักมาก และพยายามหาช่องทางที่ดีที่สุดที่จะตอบโจทย์ความต้องการของทุกฝ่าย

“บางทีพูดพลาดไปบ้าง ต้องออกมาแก้ไข อย่าไปว่าท่านเลย เพราะท่านพยายามหาช่องทางที่จะช่วยเหลือประเทศชาติ สิ่งที่ทำถูกมากกว่าผิดเยอะ พลาดไปบ้างไม่เป็นไร เมื่อพลาดก็ออกมาชี้แจง ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อถามย้ำว่า เรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นทำให้มีคนโจมตีนายกจำนวนมาก ไม่ติดใจอะไรใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่ติดใจ ในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องมีส่วนรับผิดชอบ และผู้ว่าฯ ททท. ออกมาพูดแล้วว่าเป็นการสื่อสาร และที่จริงเรายังไม่ได้ขอให้ทางตำรวจจีนเข้ามา ในขณะที่เขาไม่ได้ตกลงจะมา เพราะเป็นเรื่องภายในของไทย  จะเข้ามาได้อย่างไร แต่กรณีนี้เป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนข้อมูลมากกว่า เชื่อว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจพยายามทำงานอย่างเต็มที่