In News

นายกฯสั่งDSIลากหัวโจกนำเข้าหมูเถื่อน เผยพรบ.สมรสเท่าเทียมเข้าสภา12ธ.ค.นี้



กรุงเทพฯ-​นายกรัฐมนตรี สั่งการ DSI สืบสวนหาต้นตอรายใหญ่ลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน เผย ครม.อนุมัติหลักการ พรบ.สมรสเท่าเทียมแล้ว เตรียมนำเข้าสภาฯ พิจารณา 12 ธันวาคมนี้

วันนี้ 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา 12.45 น.  ณ สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ  กรุงเทพมหานคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ได้สั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  ซึ่งดูแลกำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ (DSI) เรื่องของหมูเถื่อนต้องสาวถึงรายใหญ่ให้ได้ ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (20 พ.ย. 66) ตนเองได้พบกับผู้ประกอบการค้าข้าวรายใหญ่ของประเทศไทยที่มีการพูดคุยถึงปัญหาข้าว  วันนี้หนึ่งในปัญหาคือเรื่องของพันธุ์ข้าวไทยซึ่งผลผลิตต่อไร่ของเราต่ำกว่าเพื่อนบ้านอยู่เยอะมาก  หนึ่งในเหตุผลคือ เรื่องของพันธุ์ข้าวไทยที่มีการพัฒนาช้าและได้รับการยอมรับจากกรมการข้าวช้า   ทำให้เรามีการนำมาปลูกได้ช้า  โดยได้มีการสั่งการไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการขานรับอย่างดี พร้อมยืนยันว่าจะไปดูแลขั้นตอนออกพันธุ์ข้าวใหม่เพื่อให้เรามีประสิทธิภาพประสิทธิผลที่สูงขึ้นต่อไร่ทัดเทียมกับเพื่อนบ้านเราได้  

อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับรองประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ใช้ในการรับรองการสมรสเท่าเทียมซึ่งจะนำเข้าสภาฯ ในการเปิดวาระที่ 2 ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้  ซึ่งอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การผลักดันศูนย์ให้บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service :OSS) ผ่านระบบ Single Window  Single Form ที่ต้องมีการรวบรวมของทุกหน่วยงานของรัฐเข้ามาเพื่อให้ความสะดวกสบายขึ้น การทำการค้าขายการส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศ  จากการลงพื้นที่จังหวัดหนองคายในเดือนที่ผ่านมา จังหวัดหนองคายเป็นตัวอย่างในการทดลองดำเนินการ One Stop Service สามารถทำได้รวดเร็วอย่างไร 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีประโยชน์หากเราลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นแสนล้านและต้องมาติดอยู่ที่ชายแดน เรื่องของการเสียเวลาที่จะต้องผ่านโต๊ะต่าง ๆ   ทำให้เสียเวลา ตรงนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญและได้สั่งการไปยังคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันรวบรวมและพยายามทำตรงนี้ออกมาให้เป็น Single Window  Single Form  One Stop Service  ทำให้การบริการภาครัฐรวมอยู่ในระบบเดียว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนทุกคน