EDU Research & ESG

อว.มอบเอ็นไอเอผนึกดีป้าและพันธมิตร เดินหน้าหนุนการลงทุนในสตาร์ทอัพไทย



กรุงเทพฯ-อว. มอบเอ็นไอเอผนึกกำลังดีป้า - สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุนเดินหน้าส่งเสริมและผลักดันการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยให้เข้มแข็ง

28 พฤศจิกายน 2566 - กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน และ Beacon Venture Capital จัดกิจกรรม NIA x depa VC NIGHT เพื่อร่วมกันพัฒนาเครือข่ายนักลงทุนให้เข้มแข็ง และส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยให้พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยพลังของนวัตกรรมต่อไป

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า “กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมโดยเฉพาะในกลุ่มสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ กระทรวง อว. มีบทบาทในการสนับสนุนการเพิ่มกำลังคนรุ่นใหม่เข้ามาในระบบนิเวศสตาร์ทอัพของประเทศไทยและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้สตาร์ทอัพเติบโต โดยดำเนินการผ่าน โครงการ Alpha Program ภายใต้ Startup Thailand League ร่วมกับหน่วยงานในภาคการศึกษาทั่วประเทศไทยกว่า 50 แห่ง เกิดการจดทะเบียนบริษัทจากทีมนักศึกษาที่เข้าร่วมกว่า 61 บริษัท คิดเป็นมูลค่าของเศรษฐกิจกว่า 100,000,000.- บาท ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยหลายแห่งได้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพของนักศึกษา เช่น CU Enterprise จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, M Venturer มหาวิทยาลัยมหิดล, อ่างแก้วโฮลดิ้ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ส่งเสริมการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงไปใช้ในการประกอบธุรกิจ และกำลังผลักดันเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการจัดงาน NIA x depa VC NIGHT ในวันนี้ โดยเจ้าภาพหลัก คือ NIA และ depa ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร คือ สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ TVCA และ Beacon Venture Capital เพื่อพัฒนาเครือข่ายนักลงทุนให้มีความเข้มแข็ง และส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพไทย กิจกรรมนี้ทำให้ได้เห็นถึงความร่วมมือของหน่วยงานรัฐและภาคเอกชนที่มีความพร้อมในการร่วมกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยพลังของนวัตกรรมและผู้ประกอบการเทคโนโลยี หรือสตาร์ทอัพ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าปัจจัยสำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยให้แข็งแรงและสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ คือ การเห็นเป้าหมายเดียวกัน การทำงานประสานร่วมกันในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รับและส่งไม้ต่อกันอย่างสอดคล้อง ซึ่งแนวทางความร่วมมือรัฐกับเอกชนเพื่อพัฒนาตลาดในอนาคตที่ได้นำเสนอกันในวันนี้เป็นข้อเสนอสำคัญที่น่าสนใจ ซึ่งกระทรวง อว. จะนำไปผลักดันเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป”

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า “NIA มีเป้าหมายในการเป็นผู้กำหนดทิศทางและอำนวยความสะดวกทางการเงินนวัตกรรมสำหรับการพัฒนาและสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม สิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านกลไกสนับสนุนด้านการเงินรูปแบบใหม่และเชื่อมต่อกับพันธมิตรด้านการเงินนวัตกรรม การลงทุน และตลาดนวัตกรรม เพื่อการเติบโตของผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรม ซึ่งในปีนี้มีการปรับโฉมกลไกการส่งเสริมและสนับสนุนเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะด้านการเงินสำหรับโอกาสการขยายตลาดและการลงทุน เช่น กลไกการสนับสนุนเงินทุนอุดหนุนรูปแบบใหม่ “Corporate co-funding” ร่วมกับกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) และ กิจกรรม Invest Startup Thailand ที่เน้นส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพในประเทศไทยมากขึ้น เช่น การพัฒนาความรู้เรื่องการลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Investor) การพัฒนาเครือข่ายนักลงทุน (VC และ CVC) และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) รวมถึงการสร้างเวทีให้สตาร์ทอัพได้มีโอกาสนำเสนอแผนธุรกิจต่อนักลงทุนได้ ซึ่ง NIA หวังว่าการดำเนินงานเหล่านี้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้สตาร์ทอัพเติบโตสู่ตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน”

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า “ดีป้ามีนโยบายในการส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล และส่งเสริมดิจิทัลสตาร์ทอัพด้วยกลไกต่าง ๆ โดยได้วางแผนการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของดิจิทัลสตาร์ทอัพที่เน้นสร้างกลไกส่งเสริมด้านเงินทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะการร่วมลงทุน (Co-Investment) และส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาดิจิทัลสตาร์ทอัพสู่ระดับโลก นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อดึงดูดผู้มีทักษะสูงเข้ามาทำงานในประเทศไทยผ่านกลไก Global Digital Talent Visa และการสร้างตลาดให้กับดิจิทัลสตาร์ทอัพร่วมกับ BOI พัฒนามาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดถึง 100% ของเงินลงทุนและไม่จำกัดวงเงิน เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการของดิจิทัลสตาร์ทอัพที่ขึ้นทะเบียนในบัญชีบริการดิจิทัล เพื่อส่งเสริมการเติบโตของดิจิทัลสตาร์ทอัพ ให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาดิจิทัลสตาร์ทอัพและการลงทุนในภูมิภาค”