In News

นายกฯบุกเมืองกาญจน์ดูปัญหาปากท้อง ได้อัปเดต'เงินดิจิทัล/ปรับค่าแรงขั้นต่ำ'



กรุงเทพฯ-นายกฯ พบปะชาวกาญจนบุรี ยืนยันรัฐบาลพร้อมทำงานรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ ย้ำแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้ความเป็นธรรมคุ้มครองเจ้าหนี้-ลูกหนี้ตามกฎหมาย ชูนโยบายรัฐบาลยกระดับค่าแรงขั้นต่ำ ยันไม่สบายใจกับคณะกรรมการไตรภาคีขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแค่ 2 บาท ขณะที่เงินหมื่นดิจิทัล ได้จัดส่งกฤษฎีกาพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านแล้ว ยืนยันรัฐบาลทำดีที่สุดแล้ว

วันนี้ (9 ธันวาคม 2566) เวลา 10.30 น. ณ ศูนย์ประสานงานอำเภอท่ามะกา ตำบลตะคร้ำเอน อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบปะพี่น้องประชาชนชาวกาญจนบุรี โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมการพบปะ ซึ่งมีร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการและประชาชน ให้การต้อนรับโดยสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้กลับมาจังหวัดกาญจนบุรีอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งแล้ว โดยตลอดเวลา 3 เดือนรัฐบาลนี้ได้เข้ามาบริหารจัดการเรื่องของปัญหาที่ค้างคามาในอดีต บ้านเมืองเรามีปัญหามาก แต่เรามีคณะรัฐมนตรี มีทีมงานที่พร้อมจะทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เสียงสะท้อน เสียงเรียกร้อง เสียงวิงวอน ตอนที่มาเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองไหนที่มาที่นี่ เสียงก็เป็นเหมือนกันหมด คือเรื่องของปากท้อง ปัญหาหนี้สิน ปัญหายาเสพติด พื้นที่ทำกิน ราคาเกษตร การค้าขายระหว่างพรมแดนทั้งหลาย ซึ่งรัฐบาลนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยในเรื่องของหนี้สิน เมื่อวานนี้ตนและรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติหนี้นอกระบบต้องหมดไป จะเป็นการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ มีการเซ็ตเป้าหมายที่ชัดเจนระหว่างนายอำเภอกับผู้กำกับฯ ทุกจังหวัด ใครมีเสียงเรียกร้อง ใครมีปัญหากับการถูกเรียกหนี้ ทวงหนี้อย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นแก๊งค์มอเตอร์ไซค์หมวกกันน็อค ออนไลน์ หรือการข่มขู่ เจ้าหน้าที่เราทุกคนพร้อมที่จะให้บริการกับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นอย่ากลัว ให้เดินออกมา ให้มาพูดคุยกัน รัฐบาลให้ความเป็นธรรม ให้ความคุ้มครองกับเจ้าหนี้และลูกหนี้ ที่ทุกอย่างต้องถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย บ้านเมืองมีขื่อมีแป เราไม่ยอมรับการรีดไถที่ไม่ถูกต้อง ที่ไม่เป็นธรรม เรื่องนี้รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างสูงสุด

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องปัญหายาเสพติด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มาพูดที่กาญจนบุรีไปแล้วเมื่อตอนเลือกตั้งว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมายาวนานมาก เรื่องวงจรการค้ายาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นจากชายแดนก็ตาม ซึ่งรัฐบาลได้มีการบริหารจัดการ มีการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงเข้ามาจัดการ มีการประสานงานระหว่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ สาธารณสุข และพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด โดยยาบ้า เป็นยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่นี้ การทำลายยาบ้าในสมัยก่อนใช้เวลานานมากในการทำลาย แต่ครั้งนี้เราจะเร่งรัดวงจรเพื่อให้มีการทำลายยาบ้า เมื่อจับแล้ว พิสูจน์ทราบได้แล้ว ทำลายทันทีเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของสังคม

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการค้าการลงทุน ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ว่า เชื่อว่าพี่น้องทุกคนเป็นที่ประจักษ์ดีว่ารัฐบาลนี้ได้มีการทำงานอย่างเข้มแข็ง มีการเดินทางไปต่างประเทศ ไปเปิดการค้าระหว่างประเทศ ดึงนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยแข็งแกร่งขึ้นอีก ทั้งนี้ เมื่อวานนี้มีเรื่องที่ทำให้ตนไม่สบายใจคือเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เชื่อว่าพี่น้องหลายคนยังเป็นห่วงอยู่ เรื่องนี้ในความเห็นส่วนตัวของตนและเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้คือค่าแรงขั้นต่ำต้องถูกยกระดับขึ้นมา เราคงยอมรับไม่ได้ที่มีการประกาศกันเมื่อวานนี้ ซึ่งจะต้องมีการไปพูดคุยกันในเวทีที่เหมาะสมและใช้เหตุผลมาพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่เรายอมรับไม่ได้ และต้องแก้ไขกันต่อไป  

นายกรัฐมนตรีย้ำในตอนท้ายว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ได้มาเยี่ยมเยียนที่กาญจนบุรีหลังจากการเลือกตั้ง ถือเป็นมิติใหม่หลังจากที่เราได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนให้เข้ามาบริหารประเทศแล้ว ได้เดินทางมารับฟัง พูดคุยปัญหาที่พี่น้องทุกคนมีอยู่ วันนี้เราพร้อม มีรัฐมนตรีมาหลายคน ขอฝากให้สื่อสารเข้ามาว่าอยากให้รัฐบาลทำอย่างไรบ้าง ขอให้มีความมั่นใจว่ารัฐบาลนี้พร้อมและทำงานอย่างเต็มที่  

นายกฯย้ำส่งกฤษฎีกาพิจารณาร่างพ.ร.บ.เงินกู้5แสนล้านแล้ว 

 

หลังจากนั้น  ณ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงโครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทให้กับประชาชน ว่า ตามที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวไปแล้วว่าได้ยื่นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทแล้ว  ส่วนกฤษฎีกาจะส่งกลับมาภายในกี่วันนั้น ยังไม่ทราบยืนยันว่าทำดีที่สุดแล้ว ให้เหตุผลดีที่สุดแล้ว และไม่ต้องมีการใช้คำว่า ล็อบบี้กัน 

ส่วนเนื้อหาที่ส่งให้กฤษฎีกาตีความนั้น นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราได้พูดคุยกันอยู่ว่าเร่งด่วนจำเป็นหรือเปล่า ซึ่งเราให้ข้อมูลว่า เรามั่นใจเป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็นอย่างที่บอกเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต  เรื่องการปรับหนี้นอกระบบเป็นการยกระดับ ไม่ใช่โยนภาระให้กับนายจ้างไปอย่างเดียว  ตนเองพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ชายขอบของสังคม หากดิจิทัลได้ออกมาใช้ในเดือนพฤษภาคมคิดดูว่าเงินเข้าระบภาษี 4-5 แสนล้านบาท การจ้างงานการผลิตจะสูงขึ้นหรือไม่ นายจ้างจะได้มีรายได้สูงขึ้น จะมีการทำการผลิตมีการขายของมากขึ้นหรือไม่ต้องควบคู่กันไป  

นายกฯ กล่าว ขอวิงวอนและอ้อนวอน พร้อมมั่นใจว่าดิจิทัลวอลเล็ต จะออกตามกำหนดคือเดือนพฤษภาคม 2567 ยังไม่ได้มีอะไรชี้วัดมา ว่าจะไม่สำเร็จ ซึ่งหากมีปัญหา ก็ต้องดูว่าปัญหาคืออะไร คำถามที่ออกมา ข้อโต้แย้งที่ออกมาคืออะไร แล้วค่อยว่ากัน
ส่วนมีการพยายามสร้างวาทกรรมออกมาว่า "ใช้เงินได้ไม่ทุกคน แต่เป็นหนี้ทั่วถึง" นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เป็นวาทกรรมไป ตนเองเชื่อว่าเราอธิบายกันมาเยอะแล้ว คนรวยก็บอกว่าฟังคำแนะนำของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว ว่าอย่าไปแจกคนรวยไม่ต้องแจก จึงมีคำถามไปว่าอะไรคือคนรวย มีการชี้ว่าคนรวยมีเงินฝากไม่ถึง 500,000 บาทรายได้ต่อเดือนต้องไม่ถึง 70,000 บาท ก็พยายามรับฟังอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีคนตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไปทุ่มเวลาให้กับโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทจนทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ล่าช้านั้น นายกฯ กล่าวว่า พวกท่านเห็นตนเองทำแต่ดิจิทัลวอลเล็ตหรือเปล่า ซึ่งเมื่อวานไปไหนมา ทำเรื่องอะไรทำหนี้นอกระบบ  สัปดาห์ที่แล้วไปดูเรื่องชายแดนที่สระแก้ว  2 อาทิตย์ก่อนบินไปเอเปค ซึ่งตนเองทำอยู่เรื่องเดียวหรือไม่ โดยวันที่12 ธ.ค.นี้ ก็จะทำเรื่องหนี้ในระบบอีก ไม่ได้ทำเรื่องเดียว เรื่องการท่องเที่ยวก็ทำ ในช่วงค่ำวันนี้จะบินไปเชียงราย ยืนยันทำหลายเรื่องและทำเต็มที่ทุกเรื่อง

นายกฯไม่สบายใจเรื่องปรับค่าแรงขั้นต่ำที่คกก.ไตรภาคีให้ขึ้นแค่2บาท

นายกรัฐมนตรีฯให้สัมภาษณ์ถึงกรณี คณะกรรมการไตรภาคี มีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 2-16 บาท ว่า ค่าแรงขั้นต่ำของเราไม่ได้ขึ้นมานานมาก ขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน โดยรัฐบาลพยายามทำหลายวิธี ที่จะให้ลดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร และอีกหลายอย่างเพื่อช่วยเหลือบรรเทา ความทุกข์ของประชาชน รวมไปถึงการแก้ไขหนี้นอกระบบและหนี้ในระบบ รัฐบาลพยายามทำอยู่เพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่เรื่องของการเพิ่มรายได้ก็สำคัญ โดยประชาชนหลายสิบล้านคน ต้องพึ่งค่าแรงขั้นต่ำจำนวนมาก บางจังหวัด ขึ้นแค่ 7-12 บาทเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินไป ทั้งที่ รัฐบาลพยายามที่จะยกระดับ ให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมไฮเทค ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น

นายกฯ  กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองเดินทางไปต่างประเทศเพื่อที่จะดึงบริษัทใหญ่มาลงทุนในไทย ไปเปิดตลาดค้าขายใหม่ในต่างประเทศ ที่ไทยยังไม่มีสนธิสัญญาทางการค้า สิ่งเหล่านี้รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่แต่ผู้ประกอบการหรือนายจ้าง ต้องขอวิงวอนและขออ้อนวอนว่า พี่น้องแรงงาน คือผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลพยายามทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือ แต่การขึ้นรายได้ผู้ประกอบการต้องพยายามทำ ไม่ใช่มากดค่าจ้าง แล้วนายจ้างไม่ได้พัฒนากิจการของตัวเอง ผู้ประกอบการต้องพัฒนาตัวเอง เพราะปัจจุบันนายจ้างก็ได้ประโยชน์ จากการลดค่าไฟ ค่าน้ำมันและอีกหลายอย่าง ตามมาตรการของรัฐบาล วันนี้จะยอมให้แรงงานประชาชนคนไทย ต่ำติดดินแบบนี้ ในขณะที่ประเทศที่ใกล้เคียงกับไทย เช่น เกาหลี และสิงคโปร์ค่าแรงขั้นต่ำต่อวัน 1,000 บาท เราจะยอมให้พี่น้องประชาชนของเราเป็นพลเมืองชั้น 2 ชั้น 3 ของโลกหรือ ในเมื่อค่าแรงขั้นต่ำติดดินขนาดนี้ เมื่อรัฐบาลพยายามยกระดับภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการ ก็ควรที่จะทำไปพร้อมๆกัน ถ้าทำเพียงฝ่าย เดียวเป็นไปไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าในเรื่องค่าแรงจะมีโอกาสทบทวนใหม่หรือไม่ นายกฯ  กล่าวว่า ต้องขอทบทวนใหม่ จะต้องไปพิจารณาดูถึงแนวทางความเหมาะสมเพราะเพิ่งทราบข่าวเรื่องนี้ แต่คงไม่ใช่การสั่งการ แต่เป็นการพูดคุยร่วมกัน เราต้องพูดถึงองค์รวมของเศรษฐกิจ และการทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่ขึ้นค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการหรือนายจ้างอย่างเดียว แต่ยังมีการเพิ่มรายได้เปิดตลาดที่มากขึ้น ที่ผ่านมาผู้ประกอบการหรือนายจ้างก็ได้ประโยชน์ไปแล้ว ถึงเวลาต้องคืนให้กับคนที่เป็นกำลังสำคัญ ในภาคผลิตด้วยหรือเปล่า พอพ้นจากวันหยุดก็จะมีการเรียกคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนมีความกังวลหมด ขอให้คิดถึงใจเขาใจเรา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้รับการปรับขึ้นมานาน แต่ขณะนี้ปรับเพียงแค่ 2 บาท จะมีการพิจารณาใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรื่องนิคมอุตสาหกรรม การพัฒนาท่องเที่ยว การเปิดด่านสะเดา มีการลงทุนสร้างสะพานไปยังมาเลเซีย สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม ถึงขึ้นแค่ 2-3 บาท ยอมรับว่าตนไม่สบายใจ ถึงอยากใช้เวทีนี้สื่อสาร ไปถึง และขอความเป็นธรรมให้กับพี่น้องแรงงาน ไม่อย่างนั้นจะติดกับรายได้ต่ำ ต้องคุยทั้งกับไตรภาคี และในครม.เพราะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า การปรับขึ้นค่าแรงที่เป็นธรรม ควรจะอยู่ที่ตัวเลขเท่าไหร่ นายกฯ  กล่าวว่า ต้องขึ้นไปสูงกว่านี้ โดยจะต้องฟังเหตุผลของเขาเหมือนกัน อย่างที่บอก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น 2-3 บาท ซื้อไข่ลูกหนึ่งยังไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลก็พยายามช่วยผู้ประกอบอยู่ โดยเฉพาะการลดค่าไฟที่ภาคอุตสาหกรรม ได้ประโยชน์ จากที่ 4.50 บาทต่อหน่วย ลดมาเหลือ 3.99 ดังนั้น ขอให้คืนกับประชาชนบ้าง ขอย้ำว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการปรับเพิ่มขึ้นจำนวนมากอาจจะมีปัญหาเรื่องของการย้ายฐานผลิตออกจากประเทศไทย นายกฯ  กล่าวว่า ไม่มีหรอก อันนี้เป็นวาทกรรม ไม่มีใครย้ายเพราะค่าแรงขึ้น จาก 300 เป็น 400 บาทไม่มีหรอก รัฐบาลยังมี มาตรการส่งเสริมด้านภาษี มีระบบสาธารณสุขที่ดี สถานศึกษาก็ดี โครงสร้างพื้นฐานและสนามบินก็ดี ท่าเรือน้ำลึกก็มี ที่ตนเองเดินทางไปต่างประเทศก็ได้เซ็น MOU กับหลายบริษัทใหญ่ๆ ทั้งโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ถ้าผู้ประกอบการไม่ช่วยกันก็ไปลำบาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้ได้ถึง 400 บาทตามนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไว้หรือไม นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสม ในจังหวัดใหญ่อาจจะได้ถึง 400 แต่จังหวัดเล็กอาจจะไม่ถึง ต้องดูความเหมาะสม ขอย้ำว่าสิ่งต่างๆที่รัฐบาลพยายามทำเพื่อให้ นายจ้างสามารถส่งสินค้าออกไปได้และยังอำนวยความสะดวก เพื่อลดค่าใช้จ่าย ให้ผู้ประกอบการ รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และประกาศชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย ขอให้ผู้ใช้แรงงาน ดูการกระทำ ว่าตนเองมีความจริงใจขนาดไหนอย่างไร  การที่ตนเองไปพูดที่หอการค้าไทย ขอให้ฟังดูว่าเขาดีใจหรือไม่ที่รัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับสภาอุตสาหกรรม รัฐบาลพยายามสร้างความมั่นใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน และเข้ามาอยู่ในประเทศไทยง่ายและปลอดภัยขึ้น ทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม. จะพิจารณาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูว่ามีความจำเป็นว่าจะเสนอเข้ามาหรือไม่ ถ้าเสนอเข้ามา ผมไม่ยินยอมไม่เห็นด้วยแน่นอน ผมเชื่อว่า นโยบายค่าแรงขั้นต่ำเราดูที่ความเหมาะสม เราเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ หลายประเทศ ค่าแรงขั้นต่ำเขามากกว่านี้ วันนี้เราชนะสิงคโปร์ในแง่ดึงดูดนักลงทุน บริษัทใหญ่เข้ามาสร้าง Data Center เป็น เป็นนิมิตรใหม่อันดีว่าประเทศเรามีศักยภาพสูง แต่ทำไมจึงไปกดผู้ใช้แรงงานที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศ

นายกฯ ย้ำ ต้องดูแลประชาชน 60 ล้านคน ไม่ใช่ดูแลแค่มาเอาคะแนนเสียง กับผู้ใช้แรงงานอย่างเดียว แต่นายจ้างและผู้ประกอบการ ก็ไปรับฟังความเห็นตลอด และพร้อมจะช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว