In Bangkok
กทม.จัดโปรลดถ่ายน้ำมันเครื่อง/ไส้กรอง ชวนรถยนต์อายุ7ปีร่วมเพื่อลดPM2.5
กรุงเทพฯ-ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ชวนเจ้าของรถอายุเกิน 7 ปี เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/ไส้กรอง ลด PM2.5 พร้อมจัดโปรโมชั่นลดค่าใช้จ่ายประชาชน
(13 ธ.ค.66) ณ โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร ทุ่งครุ : นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแนวทางและความร่วมมือการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ว่า วันนี้เราจะมาทำการทดสอบให้เห็นว่าพวกเราจะช่วยกันเรื่อง PM2.5 อย่างไร PM2.5 ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง จริงๆ แล้ว กทม.ก็ทําเต็มที่แต่สถานการณ์ตอนนี้จะมี 3 ส่วนหลักที่จะเกิดขึ้น ส่วนแรกคือเรื่องสภาพอากาศ ถ้าอากาศถ่ายเทดี ความกดอากาศไม่กดลงมา ฝุ่นก็กระจายไม่เกิดความไม่หนาแน่น อย่างวันนี้เป็นช่วงที่อากาศปิด การไหลของอากาศต่ำกว่า 4,000 ลูกบาตรลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ค่าฝุ่นสูง ซึ่งตรงนี้แก้ไขไม่ได้เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ
เรื่องที่ 2 คือเรื่องฝุ่นจากเรื่องเครื่องยนต์ ก็คือรถยนต์ทั้งหลาย เช่น รถที่เป็นยูโร 3 หรือต่ำกว่า หรือรถเก่า รถยนต์กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่จะมีโอกาสปล่อย PM2.5 ซึ่งรถทั้งหมดในกรุงเทพมหานครที่เป็นรถเก่าอายุเกิน 7 ปี มีประมาณกว่า 6 ล้านคัน ถ้าเราปล่อยคนละนิดคนละหน่อยก็ทําให้เกิด PM2.5 ได้ การปล่อยควันจากรถยนต์เหล่านี้ขณะนี้น่าจะเป็นสาเหตุหลักข้อหนึ่ง ส่วนโรงงานเรามีไม่เยอะในกรุงเทพฯมีโรงงานอยู่ประมาณ 5,000 แห่ง ที่มีการปล่อยควันซึ่งกทม.พยายามติดตามผลตลอด
เรื่องที่ 3 คือ จากการเผาชีวมวล เช่น การเผาชานอ้อย เผาซังข้าว อาจจะไม่เผาในกรุงเทพฯ เผาจากที่อื่นแล้วโดนลมพัดมา ซึ่งเรื่องนี้จะอาจจะเกิดปลายๆ เดือนธันวาคม ต้นเดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเราก็จะเฝ้าระวัง มีการซื้อรถอัดฟางเพื่อให้ชาวนาย่านหนองจอก คันนายาว มีนบุรี สามารถอัดฟางได้ในราคาถูก และสามารถขายฟาง และนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น
ดังนั้น 3 ปัจจัยนี้ คือตัวปัญหาที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 ถ้าในสถานการณ์ปกติ อากาศเปิด ค่าฝุ่นจากรถยนต์รวมแล้วประมาณ 30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พออากาศปิดจาก 30 กลายเป็น 60 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ปัจจุบันค่าฝุ่นเราอยู่ที่ประมาณ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ก็เห็นแล้วว่ามาจากรถยนต์รวมกับสภาพอากาศที่กด แล้วสุดท้ายถ้ามีเผาชีวมวล ค่าฝุ่นก็จะประมาณ 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดังนั้นเราก็ต้องร่วมมือกัน กทม.เองก็ยังตรวจรถยนต์ควันดํา ตรวจไปแล้วกว่า 200,000 คัน ไม่ผ่านมาตรฐานประมาณ 2,000 หรือประมาณ 1% ถามว่ารถยนต์ผ่านการตรวจควันดําทําให้เกิด PM2.5 หรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญตอบว่ายังมีค่อนข้างเยอะอยู่ในตัวของเครื่องยนต์ที่มีการบำรุงรักษาที่ไม่ถูกหลัก คือไม่เปลี่ยนนำมันเครื่อง ไม่เปลี่ยนไส้กรองอากาศ ถึงแม้ไม่มีควันดํา ผ่านการตรวจสอบ ก็ยังสามารถปล่อย PM2.5 ได้มาก แต่ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามเวลา หรือก่อนระยะเวลาที่กำหนด จะทําให้ฝุ่น PM2.5 ลดลงประมาณ 10% ถึง 15% กทม.ไปออกกฎหมายบังคับให้เราเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไม่ได้ ก็ต้องเป็นเรื่องความสมัครใจที่ร่วมกันดูแล อย่างมีรถยนต์เก่าอยู่ 6 ล้านคัน ทุกคนปล่อยสุดท้ายแล้วก็จะสะสม ซึ่งกทม.ก็จะมีมาตรการร่วมกับกระทรวงพลังงานเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรองอากาศในราคาที่ถูก โดยหารือกับบริษัทรถยนต์ บริษัทน้ำมันต่างๆ ซึ่งตั้งเป้าจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศประมาณ 300,000 คัน ซึ่งจะแถลงข่าวในวันที่ 18 ธ.ค.66 นี้
วันนี้ได้ทำการทดสอบเครื่องยนต์ดีเซลยูโร 3 ที่ผ่านการตรวจควันดำแล้ว มาทำการตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 ถ้าสภาพอากาศปกติในห้องทดลอง ไม่มีเครื่องยนต์ ค่าฝุ่นอยู่ที่ 26 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถ้าสตาร์ทเครื่องยนต์ดีเซล 2 นาที โดยใช้น้ำมันเครื่องเก่า ไส้กรองอากาศเก่า ฝุ่นจะเพิ่มขึ้นจาก 26 เป็น 57.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 122% เราแค่เปลี่ยนไส้กรองอากาศแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ดีเซล 2 นาที เหมือนกัน ค่าฝุ่นลดลงที่ 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือเพิ่มแค่ 44% ถ้าเปลี่ยนไส้กรองอากาศด้วย เปลี่ยนน้ำมันเครื่องด้วย จะเหลือแค่ 31.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือเพิ่มขั้น 21% ดังนั้นถ้ารถยนต์เก่าทุกคันเปลี่ยนไส้กรองอากาศและเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เชื่อว่าจะลดฝุ่นจากเดิมเคยปล่อย 122% ลดลงเหลือ 21% หากช่วยกันคนละนิดคนละหน่อยสถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น ขณะเดียวกัน กทม.ยังดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่อง การตรวจควันดํา ดูเรื่องการจราจรติดขัด โรงงานอุตสาหกรรม เข้มงวดไซต์ก่อสร้าง แต่อย่าลืมว่าในกทม. เรามีรถในกรุงเทพฯ 6-7 ล้านคันที่ปล่อยควัน การติดขัดก็เป็นส่วนหนึ่ง ก็ต้องเข้มงวดเรื่องวินัยจราจร ถ้ารถแล่นได้เร็วขึ้น จอดแช่น้อยลง ปล่อยควันที่มี PM2.5 น้อยลง สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น
นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 18 ธ.ค.66 จะมีการแถลงมาตรการซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสําหรับประชาชนประมาณ 1,000-2,000 บาท ซึ่งท่านผู้ว่าฯ กทม. ได้ประสานกระทรวงพลังงาน และกระทรวงพลังงานก็ได้หารือกับบริษัทที่ขายน้ำมันและบริษัทรถยนต์ บริษัทที่ขายน้ำมันจะมีโปรโมชั่นลดราคาน้ำมันเครื่องมากถึง 40% ส่วนบริษัทรถยนต์จะมีทั้งโปรโมชั่นลดราคาน้ำมันเครื่อง ไส้กรองอากาศ และค่าแรงฟรี แคมเปญอยู่ประมาณ 2 เดือน