In News
'อนุทิน'ถกบอร์ดแก้หนี้นอกระบบนัดแรก อนุมัติมาตรการ3ด้านลดยอดหัวปิงปอง
กรุงเทพฯ-รองนายกฯ “อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะถกบอร์ดกำกับการแก้หนี้นอกระบบนัดแรก แจงแนวบูรณาการทำงาน อนุมัติมาตรการแก้ไขปัญหา 3 ด้าน ไกล่เกลี่ย บังคับใช้กฎหมาย และให้ความช่วยเหลือทางการเงิน พร้อมตั้งอนุกรรมการที่ปลัดมหาดไทยเป็นประธานขึ้นติดตาม
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้(18 ธ.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ครั้งที่1/2566 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พล.ต.ท.อัครเดชพิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายอนุทิน กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการประชุมนัดแรกหลังนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ต่อไปนี้จะต้องร่วมกันศึกษา วิเคราะห์และจัดทำข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเพื่อนำไปสู่การบรรเทาผลกระทบให้ลูกหนี้ ซึ่งต้องแบกรับภาระไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินโดยถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา การถูกข่มขู่โดยใช้ความรุนแรงต่อไป
รองนายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงขั้นตอนดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามแนวนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ซึ่งจะเป็นการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นตอนแรกการลงทะเบียน ดำเนินการระหว่าง 1 ธ.ค. 66 - 29 ก.พ. 67 มีกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลัก และมีหน่วยงานอื่นเสริมคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยทั้งหมดเชื่อมโยงข้อมูลกัน โดยประชาชนได้รับหมายเลขอ้างอิง (Reference Number) เพื่อใช้ติดตามความคืบหน้าทางเว็บไซต์ภาครัฐได้ตลอด ขั้นตอนที่ 2 ดำเนินการไกล่เกลี่ยและติดตามผล และ ขั้นตอนที่ 3 การกำหนดระยะเวลาดำเนินการ เป้าหมาย และตัวชี้วัดที่ต้องชัดเจน
“คณะกรรมการชุดนี้ มีภารกิจหน้าที่ครบทุกมิติทั้งในด้านการไกล่เกลี่ย การบังคับใช้กฎหมาย การรักษาความสงบ และการแก้ไขปัญหา โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วมครบทุกหน่วย และเราจะมีการกำหนดไทม์ไลน์และตัวชี้วัดชัดเจน รวมถึงตั้งคณะอนุกรรมการชุดที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานขึ้นมาขับเคลื่อนและติดตามการทำงาน ท่านนายกฯ ได้มีการให้นโยบายในวันที่คิ๊กออฟโครงการว่าขอให้ดำเนินเรื่องนี้ด้วยความรวดเร็ว เด็ดขาด เข้มงวดในการใช้กฎหมาย มีการตั้ง KPI ในการดำเนินงาน ขอให้ทุกท่านซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนงาน ได้สั่งการผู้รับผิดชอบในการดำเนินการอย่างรวดเร็วต่อไป” นายอนุทิน กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้มีวาระเพื่อพิจารณาและและมีมติดังนี้ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานอนุกรรมการ และผู้แทนหน่วยงานเกี่ยวข้องเป็นอนุกรรมการ โดยชุดนี้จะมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการช่วยเหลือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ เชิญหน้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ให้ความเห็น หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
เห็นชอบมาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ 3 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ โดยมีกรมการปครองเป็นเจ้าภาพหลัก และมีสำนักงานอัยการสูงสุดร่วมสนับสนุน โดยนับแต่เริ่มปิดลงทะเบียนจนถึง 18 ธ.ค. 66 (เวลา 11.30 น.) ปรากฏว่ามีลูกหนี้มาลงทะเบียนแล้ว 99,484ราย คิดเป็นมูลหนี้ 5,926 ล้านบาท โดยในระหว่างการลงทะเบียนดังกล่าวก็มีการเชิญเจ้าหนี้ลูกหนี้มาทำการไกล่เกลี่ยโดยใช้กลไกของฝ่ายปกครอง บูรณาการร่วมกับตำรวจและพนักงานอัยการ โดยทางเจ้าหนี้-ลูกหนี้สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ก็จะมีการทำบันทึกประนีประนอมไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 20 ราย
2) ด้านการบังคับใช้กฎหมาย มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ โดยบูรณาการร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครอง เช่น ผู้ว่าราขการจังหวัด นายอำเภอ และมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ช่วยเหลือซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้กำลังประทุษร้ายลูกหนี้ไปแล้วบางส่วน รวมทั้ง เรียกเจ้าหนี้มาทำความเข้าใจนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอีกด้วย
3) ด้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน จะมีกระทรวงการคังเป็นเจ้าภาพ ร่วมกับสถาบันทางการเงินของรัฐในการปล่อยวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เงื่อนไขน้อยและอาจมีระยะเวลาปลอดการชำระคืนเงินต้น และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะได้เข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้ตามสาเหตุแห่งการเป็นหนี้ ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน เช่นกระทรวงแรงงาน กระทรวงกระทรวงมหาดไทยให้การสนับสนุนด้าน การหาอาชีพเสริม สนับสนุนปัจจัยการผลิต
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบตัวชี้วัดการดำเนินการทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วย ตัวชี้วัดการไกล่เกลี่ยของกรมการปกครอง กำหนดการเจรจาไกล่เกลี่ยได้อย่างน้อย ร้อยละ 80 ของลูกหนี้ในระบบและเจ้าหนี้ตามฐานข้อมูล โดยสามารถตกลงกันได้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50 ด้านการบังคับใช้กฎหมาย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถดำเนินคดีได้ทั้งหมดร้อยละ 70 ของเรื่องรับดำเนินการ ระยะเวลาดำเนินการหากเป็นสำนวนไม่ยุ่งยากดำเนินการเสร็จใน 3 เดือน กรณีมีความซับซ็อนไม่เกิน 3 เดือน ส่วนของด้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน โดย สศค. ซึ่งจะต้องได้รับการให้สินเชื่อโดยธนาคารออมสินและธ.ก.ส. มีเป้าหมายผู้ได้รับความช่วยเหลือที่ร้อยละ 70 ของผู้ลงทะเบียน