Automotive info
‘มิชลิน'ปรับโฉมสนง.ใหญ่ประจำภูมิภาค ชูแนวคิดACTIVITY-BASED WORKING
กรุงเทพฯ-‘มิชลิน’ ผู้นำระดับโลกด้านยางล้อและการสัญจรอย่างยั่งยืน เผยโฉมสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและโอเชียเนียหลังเสร็จสิ้นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ นำเสนอภาพลักษณ์ออฟฟิศยุคใหม่แห่งอนาคต ลบภาพจำของบริษัทแนวอุตสาหกรรม ก้าวเข้าสู่ออฟฟิศยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ สร้างพื้นที่ทำงานในรูปแบบ Dynamic Workplace ภายใต้คอนเซ็ปท์ Activity-based Working ทั้งยังกำหนดให้พนักงานเป็นศูนย์กลางและมีส่วนร่วมในการออกแบบตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานทุกคนให้ทำงานอย่างคล่องแคล่วและมีความสุขในทุกๆ มิติ การวางผังรูปแบบใหม่ยังทำให้บริษัทใช้งานพื้นที่อาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เลือกใช้วัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะท้อนถึงแนวคิดด้านความยั่งยืนของมิชลินได้อย่างโดดเด่น และก้าวสู่การเป็นสำนักงานแนวคิดล้ำสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และภูมิภาคเอเชีย
มานูเอล ฟาเฟียง (Manuel Fafian), ประธานกลุ่มมิชลิน ประจําภาคพื้นเอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย กล่าวว่า “มิชลินมุ่งมั่นดำเนินงานบนแนวคิดด้านความยั่งยืนทุกด้านมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครอบคลุมทั้งในเรื่องผู้คน (People) การสร้างผลกำไรของบริษัท (Profit) และการอนุรักษ์โลก (Planet) ด้วยเหตุนี้ การปรับปรุงสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในกรุงเทพฯ จึงให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นอันดับแรก โดยออกแบบพื้นที่ให้รองรับการทำงานที่หลากหลายรูปแบบ (Activity-based Working) ซึ่งเกิดจากการระดมความคิดและออกแบบตามความต้องการของบุคลากรทุกแผนก โดยพนักงานทุกคนสามารถเลือกที่นั่งทำงานในแต่ละวันให้สอดคล้องกับกิจกรรมได้อย่างอิสระ ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่การใช้งานเพื่อการทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยยกระดับการทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้พนักงานมีประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้นจากความสะดวกในการเคลื่อนย้าย (Move), เชื่อมต่อ (Connect), และทำงานร่วมกัน (Collaborate) ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ วัสดุก่อสร้างยังใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมบนมาตรฐานขั้นสูง เพื่อให้สำนักงานใหม่ตอบโจทย์ความยั่งยืนของบริษัทฯ ได้ในทุกมิติอย่างสมบูรณ์”
การปรับเปลี่ยนพื้นที่นี้ไม่ใช่เพียงแค่การออกแบบสำนักงานรูปลักษณ์ใหม่เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสู่แนวทางการทำงานใหม่ภายใต้ 3 แนวคิดหลักคือ Agility • Flexibility • Unity โดย “Agility” สื่อถึงความคล่องตัวฉับไวในการทำงาน และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์เพื่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ “Flexibility” เน้นความยืดหยุ่นของพื้นที่ทำงานที่รองรับทุกกิจกรรมของแต่ละทีมงานได้อย่างดีเยี่ยม และ “Unity” ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์โดยเฉพาะการเลือกที่นั่งแบบอิสระนั้น ช่วยให้ผู้คนจากต่างแผนก รวมถึงผู้บริหารและพนักงาน มีการพบปะและติดต่อสัมพันธ์กันมากขึ้นทั่วทั้งองค์กร
กระบวนการออกแบบสำนักงานใหม่นี้เริ่มขึ้นจากการสัมภาษณ์เชิงลึกในกลุ่มผู้บริหารเพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์ของบริษัทในอนาคต พร้อมด้วยการสำรวจความคิดเห็นพนักงาน รวมถึงการใช้ข้อมูลอ้างอิงจากสำนักงานของมิชลินหลายแห่งทั่วโลก เพื่อให้สำนักงานใหม่ในกรุงเทพฯ สะท้อน DNA ของแบรนด์มิชลินบนมาตรฐานระดับโลก จึงทำให้กระบวนการก่อสร้างทั้งหมดใช้เวลากว่า 1 ปีครึ่ง ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างมาก เพราะการวางผังอย่างมีประสิทธิภาพยังทำให้มิชลินสามารถลดขนาดพื้นที่สำนักงานลงจากเดิม 5,484 ตร.ม. เหลือเพียง 3,976 ตร.ม. แต่กลับให้ความรู้สึกกว้างขวางโปร่งสบายมากกว่าเดิม และที่สำคัญยังสามารถเพิ่มพื้นที่เพื่อการทำงานร่วมกัน (Collaboration Zones) ได้มากขึ้นเป็น 2 เท่าเลยทีเดียว
อณุ ศรีธาร (Anu Sridhar), ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของกลุ่มมิชลิน ประจําภาคพื้นเอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย กล่าวว่า “การทำงานรูปแบบใหม่ของเราจะเป็นเรื่องของความหลากหลายและการแบ่งปัน (Diversity & Share) สิ่งสำคัญคือการปรับตัวของพนักงานจาก ‘พื้นที่ทำงานของฉัน (Me)’ สู่การเป็น ‘พื้นที่ของเราทุกคน (We)’ เพราะมิชลินเชื่อในการเชื่อมโยงกันทางสังคม (Social Connection) เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แนวคิดสำนักงานใหม่นี้จะเอื้อให้พนักงานมีความคล่องตัวสูงและยังคงความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมเรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วม (Diversity & Inclusion) ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพและอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข”
เมื่อพนักงานมิชลินก้าวเข้าสู่พื้นที่สำนักงานใหม่นี้ ประสบการณ์แรกที่จะได้สัมผัสคือบรรยากาศแบบคาเฟ่ที่ผ่อนคลาย สามารถนั่งดื่มกาแฟหรือรับประทานอาหารว่างเบา ๆ ก่อนเข้าไปเริ่มงาน ซึ่งโซนทำงานของบริษัทมีการตกแต่งที่แตกต่างกันนับสิบรูปแบบ และแม้พื้นที่สำนักงานจะเน้นความยืดหยุ่นและการเชื่อมโยงของพนักงาน หากยังคำนึงถึงระดับความเป็นส่วนตัวสำหรับงานบางประเภท โดยแบ่งโซนทำงานเป็น 3 แบบหลัก ๆ ได้แก่ Social, Interactive และ Focus ซึ่งจะมีข้อกำหนดการการใช้เสียงที่แตกต่างกันเพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของเพื่อนร่วมงานคนอื่น
ภายในออฟฟิศยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ครบครัน ทั้งสตูดิโอสำหรับการถ่ายทอดสด ตู้โทรศัพท์ส่วนตัว ล็อกเกอร์พนักงาน ห้องกิจกรรมสันทนาการ ห้องพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีห้องเก็บน้ำนมสำหรับคุณแม่ รวมถึง Coffee Garden และฟังก์ชันรูมต่าง ๆ อีกมากมายที่ทำให้สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของมิชลินแห่งนี้ เป็นสำนักงานยุคใหม่ที่ถูกออกแบบโดยให้ความสำคัญกับผู้คนทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง
บริษัท pbm ทีมงานออกแบบ กล่าวว่า “การออกแบบส่วนฟังก์ชันต่าง ๆ ต่อยอดจากแนวคิดธุรกิจของมิชลิน นั่นคือ With Tire / Around Tire / Beyond Tire โดยในส่วน Reception area เราใช้คอนเซ็ปต์ “Beyond Tire” มาประยุกต์สร้างสเปซแบบวงกลม ถอดความหมายมาจากยางของมิชลิน เสริมด้วยเส้นสายที่วนเวียนและแตกแขนงไปทั่วพื้นที่ เน้นโทนสีขาวมันเงาเพื่อแสดงถึงนวัตกรรม เสริมด้วยแนวแสงไฟที่เปรียบเหมือนเส้นทางที่วิ่งไปทั่วออฟฟิศ สำหรับโซนทำงาน Co-working Space และ Canteen นำเสนอความหลากหลายเหมือนแนวคิด “Around Tire” โดยแทรกโทนสี CI ของมิชลินเพื่อให้บรรยากาศการทำงานดู active และ lively ไปพร้อม ๆ กัน ส่วนคาเฟ่ที่แบ่งออกเป็น 3 ธีมแสดงถึงเส้นทางการเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อปลุกจิตวิญญาณแห่งการเดินทางและการผจญภัยของพนักงานในทุก ๆ วัน ซึ่งส่วนพื้นที่ทำงาน เราใช้แนวคิด “With Tire” ที่เป็นเสมือนรากฐานและจุดเริ่มต้นของมิชลินอย่างชัดเจนผ่านโทนสี CI แต่ขณะเดียวกันก็สอดแทรกสีไม้อ่อน ๆ เพื่อย้ำถึงความยั่งยืนที่มิชลีนให้ความสำคัญสูงสุด"
ปัจจุบัน มิชลินดำเนินงานในธุรกิจ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ยางล้อ (Tires), การบริการและโซลูชันที่เกี่ยวกับยางล้อ (Services & Solutions), ประสบการณ์ด้านการเดินทาง (Mobility Experiences), และวัสดุไฮเทค (Hi-tech Materials) ดำเนินงานบนวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนแบบบูรณาการทั้งในแง่ผู้คน (People), ผลกำไรของบริษัท (Profit), และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Planet) การลงทุนปรับปรุงสำนักงานครั้งใหญ่นี้นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการยกระดับประสิทธิภาพและปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งสำคัญเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกด้านการสัญจร (Global Mobility Company) อย่างครบวงจรที่พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างสรรค์นวัตกรรมบนเส้นทางแห่งความยั่งยืนต่อไปอย่างมั่นคง