In News
นายกฯเตรียมบินเปิด'30บาทรักษาทุกที่' ที่ร้อยเอ็ดพร้อมกับ4จังหวัด4ภาคทั่วไทย
กรุงเทพฯ-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ เตรียมลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นประธานกิจกรรม Kick off “30 บาทรักษาทุกที่” ที่เอ็ด 7 ม.ค. นี้ และเปิดระบบออนไลน์ไปยังอีก 3 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรีและนราธิวาส โดยกระทรวงสาธารณสุขมั่นใจมีความพร้อม 100% ที่จะเปิดตัวให้ประชาชนใช้บริการอย่างเป็นทางการในทั้ง 4 จังหวัดนำร่อง 4 ภูมิภาค
วันนี้ (4 มกราคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดร้อยเอ็ด ในวันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2567 เพื่อเป็นประธานกิจกรรม Kick off “30 บาทรักษาทุกที่” โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะตรวจราชการ ซึ่งมีกำหนดการดังนี้
เวลาประมาณ 16.00 น. นายกรัฐมนตรีออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานร้อยเอ็ด อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด จากนั้น ในเวลาประมาณ 17.30 น. นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานกิจกรรม Kick off “30 บาทรักษาทุกที่” ณ ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเมื่อเสร็จภารกิจแล้ว นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 20.15 น. ทั้งนี้ กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
“วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2567 จะเป็นวันเริ่มต้น หรือ Kick off ‘30 บาทรักษาทุกที่’ อย่างเป็นทางการ ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นจุดเปิดนอกสถานที่ และเปิดระบบออนไลน์ไปยังอีก 3 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรีและนราธิวาส โดยกระทรวงสาธารณสุขมั่นใจมีความพร้อม 100% ที่จะเปิดตัวให้ประชาชนใช้บริการอย่างเป็นทางการในทั้ง 4 จังหวัดนำร่อง 4 ภูมิภาค ที่ได้เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพในหน่วยบริการทุกระดับเป็นระบบเดียวทั้งจังหวัดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการให้บริการ ‘30 บาทรักษาทุกที่’ เป็นของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลที่มอบให้พี่น้องประชาชน ถือเป็นการปฏิรูประบบสุขภาพครั้งใหญ่ คือปฏิรูประบบข้อมูลการให้บริการครั้งใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อน บัตรประชาชนใบเดียวสามารถเข้าถึงการบริการได้ ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว เป็นการลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข และขยายบริการที่เป็นนวัตกรรมการอำนวยความสะดวกในการรับบริการของประชาชน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว