Authority & Harm
สาวร้อง'บิ๊กโจ๊ก'ถูกหนุ่มมะกันหลอกให้รัก ผ่านแอปหาคู่แล้วรูดทรัพย์-ทำร้าย-ข่มขู่
กรุงเทพฯ-'ปวีณา'นำสาว1ใน3ร้อง “บิ๊กโจ๊ก” ล่าตัวหนุ่มอเมริกันที่รู้จักในแอปหาคู่ หลอกให้รัก ซ้อมทำร้าย ลักทรัพย์ ข่มขู่คุกคาม แอบถ่ายคลิปไปขาย
เวลา 10.30 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาหญิงสาว 1 ใน 3 ราย เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูก หนุ่มอเมริกันล่าแต้มในแอปฯ หาคู่ หลอกคบหาสร้างฝันมีครอบครัวที่อบอุ่น ก่อนมีความสัมพันธ์แอบถ่ายคลิป ซ้อมทำร้าย ลักทรัพย์ ข่มขู่คุกคาม และเอาคลิปไปเผยแพร่ขายในกลุ่มต่างๆ โดยขอให้ติดตามตัวหนุ่มอเมริกันรายนี้มาดำเนินคดี เพราะถือเป็นภัยร้ายของผู้หญิง หวั่นเอาคลิปสาวๆ ไปขายกลุ่มลับ คาดยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายไม่กล้าออกมาแจ้งความ
เหยื่อเล่าว่า รู้จักนายโทมัส อายุ 34 ปี อ้างเป็นทหารปลอดประจำการ ผ่านทางแอปหาคู่ เมื่อ 6 ธันวาคม มีการใช้ภาพเป็นทหาร หน้าตาดี เข้ามาพูดคุย อยากสร้างครอบครัว และ อนาคตด้วย จึงขอแต่งงาน แต่ยังไม่ตัดสินใจ จึงคบหาเป็นแฟนกัน และเคยไปพบฝ่ายชาย ที่บ้านเช่าย่านนนทบุรี แต่ระหว่างคบหากัน พบฝ่ายชายมีอารมณ์ร้อน ถูกทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง จนสุดทน เมื่อขอเลิกก็ถูกทำร้ายร่างกาย กระทั่งโทรไปขอให้ตำรวจ สภ.บางใหญ่ มาช่วยเหลือ นอกจากนี้ฝ่ายชายยังได้เอาโทรศัพท์มือถือของเธอไป แต่ไม่แน่ใจว่ากรณีของเธอถูกแอบถ่ายคลิปไว้ขาย เหมือนกับผู้เสียหาย 2 รายก่อนหน้านี้หรือไม่
โดยหลังเกิดเหตุไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายโทมัสในข้อหาทำร้ายร่างกาย ที่ สภ.บางใหญ่ ทั้งนี้ นายโทมัสจะเน้นหลอกผู้เสียหายเป็นสาวที่อยู่ในประเทศแถบเอเชีย มีการศึกษาดี หน้าตาดี และฐานะดี
นอกจากนี้ เหยื่อยังเล่าถึงผู้เสียหายรายอื่นอีก 2 ราย ที่ถูกกระทำคล้ายกัน เพราะหลังเกิดเหตุ ได้รวมกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในทวีปเอเชีย ซึ่งผู้เสียหายรายแรก ถูกนายโทมัสหลอกลวงผ่านแอปฯ หาคู่ เช่นเดียวกันในปี 2565
โดยนายโทมัสเดินทางมาที่ประเทศไทยช่วงเดือนเมษายน และคบหากัน 4 เดือน ผู้เสียหายได้เช่า โรงแรมย่านพระโขนง และระหว่างนั้นนายโทมัสได้ทำร้ายพร้อมถ่ายคลิปไว้ ก่อนนำไปประจานผ่านทางโซเชียล ด้วยการสร้างแอคเคาท์ปลอม และส่งคลิปไปยังกลุ่มต่างๆ ซึ่งผู้เสียหายรายที่ 2 ก็ถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน แต่รายนี้ถูกหลอกให้จดทะเบียนสมรสด้วย และยังถูกขโมยสร้อยคอทองคำน้ำหนักสองสลึงไปด้วย จึงได้แจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจและพยายามขอฟ้องหย่า ทำให้นายโทมัสไม่พอใจและเอาคลิปไปประจานในพื้นที่ส่วนตัวและที่ทำงาน ทำให้ต้องย้ายไปอยู่ที่ภูเก็ต นอกจากนี้ยังพบผู้เสียหายที่เป็นชาวต่างชาติ เช่น ชาวอินโดนีเซีย และญี่ปุ่น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า คนร้ายจะใช้แผนประทุษกรรมเดิมๆ ในลักษณะคล้ายกับแก๊งโรแมนสแกม หลอกให้รักออนไลน์ กรณีนี้เป็นการรู้จักกันผ่านทางแอปหาคู่ เนื่องจากรู้จุดอ่อน กลุ่มคนที่อยู่ในแอป เป็นคนโสดและต้องการผู้ชายมาดูแล มีการสร้างสตอรี่ต่างๆ หลอกสร้างอนาคต หลอกมีความสัมพันธ์ ถ่านคลิปไปขายในเว็บโป๊
ล่าสุดมีรายงานว่านายโทมัส เดินทางออกนอกประเทศแล้ว ปลายทางที่เวียดนาม ตั้งแต่เมื่อวานนี้ จึงสั่งการให้ตำรวจ สภ.บางใหญ่ เร่งรัดในการออกหมายจับ พร้อมประสานอินเตอร์โพลในการล่าตัวมาดำเนินคดี ขณะเดียวกันได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เฝ้าระวังการเดินทางเข้าของนายโทมัส หากพบตัวให้จับกุมทันที
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้เตือนภัยสาวไทย ให้ตรวจสอบประวัติของชายหนุ่มที่รู้จักกันผ่านแอปหาคู่ ให้ดีก่อนตัดสินใจคบหากัน เพราะอาจตกป็นเหยื่อถูกหลอก ถูกถ่ายคลิปไปประจานเพื่อเรียกร้องทรัพย์สิน หรือถูกนำคลิปแบล็กเมลไปขายในช่องทางต่างๆ
ทั้งนี้ จากการตรวจประวัติ พบนายโทมัส เดินทางเข้าออกไทยตั้งแต่ปี 2565 ใช้วีซ่าท่องเที่ยว เฉลี่ยเดินทางเข้าออกไทย ปีละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมที่สหรัฐ พบว่ามีประวัติลักทรัพย์