In News

บรรยากาศวันเด็กกับนายกฯที่ทำเนียบคึก 'น้องโชค'ได้นั่งเก้าอี้นายกฯคนแรก



กรุงเทพฯ-ทำเนียบรัฐบาลคึกคัก เปิดประตูให้เด็กและเยาวชนร่วมงานวันเด็ก “น้องโชค” ด.ช.ชนะโชติ แสนงบ จากโรงเรียนวัดชมนิมิตร ได้นั่งเก้าอี้ทำงาน “นายกฯ ลุงนิด” เป็นคนแรกก่อนหน้านี้นายกฯ เปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 กระทรวงศึกษาธิการ ย้ำขอเป็นพลังใจให้เด็กและเยาวชนทุกคน ให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน พัฒนาตนเองอยู่เสมอ ประพฤติปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดี ศิษย์ที่ดี และพลเมืองที่ดีของสังคม และ“ลุงนิด” เปิดห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า นั่งเก้าอี้ทำงานถ่ายรูปคู่กับเด็กและเยาวชนอย่างเป็นกันเอง และนายกฯได้เปิดงานวันเด็กแห่งชาติปี 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ยืนยันมุ่งมั่นส่งเสริมให้เด็กทุกคนเข้าถึงระบบการศึกษา ตั้งเป้าหมาย Zero Dropout แก้ปัญหาเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ฝากผู้ปกครอง-ครูช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ ทักษะ ให้เด็กพร้อมดำเนินชีวิตให้ทันโลกทันสมัย

วันนี้ (13 มกราคม 2567) เวลา 08.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ได้เปิดทำเนียบรัฐบาลให้เด็กและเยาวชนเข้ามาเยี่ยมชม และร่วมกิจกรรมภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งไฮไลท์สำคัญคือการนั่งเก้าอี้ทำงานนายกรัฐมนตรี โดยมีเด็กจำนวนมากที่คาดหวังจะเป็นเด็กคนแรกที่จะได้นั่งเก้าอี้ทำงาน “นายกฯ ลุงนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

สำหรับปีนี้เด็กที่เดินทางมาทำเนียบรัฐบาลคนแรก และได้นั่งเก้าอี้ทำงานนายกรัฐมนตรี “ลุงนิด” ได้แก่ “น้องโชค” เด็กชายชนะโชติ แสนงบ นักเรียนชั้น ม.1 จากโรงเรียนวัดชมนิมิตร อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งได้เดินทางออกจากบ้านพร้อมกับคุณย่า ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น. โดยน้องโชค คาดหวังจะได้รับรางวัลเป็นจักรยาน เพื่อใช้ขี่ไปโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมวันเด็ก ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยน้องโชคกล่าวว่าประทับใจบรรยากาศ รวมถึงได้ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ทั้งสนุกและได้รับความรู้  ได้รับของรางวัลจำนวนมาก ทั้งนี้ น้องโชค ได้ฝากบอกนายกรัฐมนตรี “ลุงนิด” ขอให้อยู่ทำงานไปนาน ๆ และขอให้สุขภาพแข็งแรง

นายกฯ เปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 กระทรวงศึกษาธิการ

ณ กระทรวงศึกษาธิการ เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเศรษฐา เป็นประธานในพิธีเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2567 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เรียนดี มีความสุข” “จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน” เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กและเยาวชนทั้งทางร่างกายและจิตใจ สร้างความตระหนักในสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบและระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม รวมทั้งยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมบูรณาการเชื่อมโยงกับนโยบายการศึกษา โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ คณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเด็กและเยาวชน พ่อแม่ ผู้ปกครองเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
 
เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงบริเวณงานวงโยธวาทิตบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีถวายพวงมาลัยสักการะด้านหน้าพระบรมราชานุสารีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) จากนั้นได้ชมการแสดงของเด็กและเยาวชนชุด “เรียนดี มีความสุข” และกล่าวเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติประจำปีพุทธศักราช 2567 ดังนี้
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า  “วันเด็ก” ทุก ๆ ปีทำให้นึกย้อนเวลาไปสู่วัยเด็กได้อีกครั้ง ซึ่งวันนี้รู้สึกยินดีที่มาเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ณ ที่นี้ และมาพบปะกับน้อง ๆ เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า 

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงคำขวัญวันเด็กปีนี้ที่ได้มอบไว้ว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” โดยมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคนเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รวมทั้งเคารพและยอมรับความแตกต่างในโลกที่ไร้พรมแดน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญทำให้ทุกคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีหัวใจที่เข้มแข็ง มีความเพียบพร้อมทั้งความรู้ ความสามารถ มีทัศนคติที่ดี มีความคิดที่ถูกต้อง และมีความเป็นสากล ตลอดจนเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการจะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ คิดเป็น ทำเป็นในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติได้ เกิดจากสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษาที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างประสบการณ์และเพิ่มพูนทักษะที่จำเป็น  ทั้งในด้านการศึกษา การให้โอกาสในการแสดงออก การดำเนินชีวิต การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนของภาครัฐ และภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีจิตสำนึกที่ดี รู้จักคัดกรอง วิเคราะห์ แยกแยะ สิ่งต่าง ๆ อย่างถูกต้อง เพื่อให้เท่าทันโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน 
 
นายกรัฐมนตรีขอเป็นพลังใจให้กับน้อง ๆ เด็กและเยาวชนทุกคน ขอให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน พัฒนาตนเองอยู่เสมอ และประพฤติปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดี ศิษย์ที่ดี และพลเมืองที่ดีของสังคม ตั้งมั่นอยู่ในความดี มีคุณธรรม จริยธรรม และทำในสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ให้บรรลุผลสำเร็จ ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนต่าง ๆ ที่ร่วมกันจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างทรัพยากรมนุษย์ของประเทศที่มีคุณค่าต่อไป

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กดปุ่มผ่านไอแพดเพื่อเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2567 ของกระทรวงศึกษาอย่างเป็นทางการ

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบของขวัญวันเด็กให้กับเด็กและเยาวชนที่มาร่วมงาน พร้อมทั้งนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมบูธงานวันเด็กที่จัดแสดงไว้บริเวณกระทรวงศึกษาธิการโดยความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนด้วย เช่น บูธลูกเสือยุวกาชาด กิจกรรมบูธ Thailand Dropout ซึ่งเป็นขบวนการค้นหาและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา และเป็นการทลายกำแพงความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาให้เด็กไทยทุกคนได้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม บูธวิทยาลัยอาชีวศึกษาที่คว้ารางวัลชนะเลิศแกะสลักหิมะนานาชาติ พร้อมเซ็นชื่อนายกรัฐมนตรีลงบนรูปข้อความที่นายกรัฐมนตรีเคยเขียนชื่นชมซึ่งนักศึกษานำมาใส่กรอบจัดแสดงด้วย เป็นต้น ภายหลังเสร็จภารกิจ ณ กระทรวงศึกษาธิการ นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาลต่อไป

สำหรับกิจกรรมงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ 2567 ที่กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจัดขึ้น กิจกรรมแบ่ง เป็น 3 โซน ได้แก่ โซนที่ 1: EDU Main Stage  (ภายในกระทรวงศึกษาธิการ) กิจกรรมประกอบด้วย  พิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ 2567 การแสดงพิธีเปิด เรียนดีมีความสุข Festival  TALK SHOW พูดคุยกับดาราต้นแบบ My Idol Talk การแสดงดนตรีของเด็กและเยาวชน  การแสดงศิลปะร่วมสมัย Cover Dance การแสดงทางศิลปวัฒนธรรมพลังเด็ก  การประกวดหนูน้อยแห่งวังจันทรเกษม หัวข้อ “ซอฟต์พาวเวอร์ไทย ครองใจโลก” โซนที่ 2: EDU Digital Technology (บริเวณถนนราชดำเนินนอก) ประกอบด้วย นำเสนอนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ในโลกยุคใหม่ กิจกรรมทักษะพื้นฐานด้านสื่อดิจิทัล กิจกรรมจากหน่วยงาน และ โซนที่ 3: EDU Network (บริเวณถนนลูกหลวง) ประกอบด้วย กิจกรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กิจกรรมจากหน่วยงานเครือข่าย เวทีกิจกรรม การแสดงดนตรี และการแสดงของเยาวชน

“ลุงนิด” เปิดห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า นั่งเก้าอี้ทำงานถ่ายรูปคู่กับเด็กและเยาวชนอย่างเป็นกันเอง

ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทักทายเยาวชนผู้มีความสามารถและตัวแทนเด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาส จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 10 คน โดยนายกรัฐมนตรีได้นั่งถ่ายรูปร่วมกับเด็กและเยาวชน ทั้ง 10 คน ประกอบด้วย นายบวรวิชญ์ รอดสา นางสาวศิศิรา ธัญญะพิสุทธิ์ เด็กชายวุฒิพงษ์ หนูวงษ์ นายพงศธร เจริญพินิช เด็กหญิงสิริวิมล พลชนะ นายปัญญาภัทร ว่องไว เด็กหญิงอิ่มบุญ คุ้มครอง นางสาวสุรีพร วัสศิริ เด็กหญิงพัธนันท์ พันธ์เดช และเด็กชายธนกร ลับฉิม ในโอกาสการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ณ ทำเนียบรัฐบาล ประจำปี 2567
 
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับเด็กและเยาวชนอย่างเป็นกันเอง  รวมทั้งสอบถามตามความถนัดแต่ละด้านของเด็กและเยาชน เช่น พูดคุยสอบถามเป็นภาษาอังกฤษกับเด็กที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษ ทักทายเด็กเป็นภาษาจีนกับเยาวชนที่มีความถนัดภาษาจีน พูดคุยสอบถามกับเด็กที่มีความสามารถด้านกีฬา พร้อมกล่าวให้กำลังใจเด็กผู้ด้อยโอกาส


 
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้พาเด็กและเยาวชน ทั้ง 10 คน เดินไปยังตึกสันติไมตรี เพื่อร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2567 ต่อไป

นายกฯ เปิดงานวันเด็กแห่งชาติปี 2567 ทำเนียบรัฐบาล

ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2567 ณ ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกล่าวให้โอวาทแก่เด็กและเยาวชน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการขับร้องเพลงประสานเสียง เพลง “อยากจะฟัง” ของเด็กและเยาวชน จากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อีกทั้งยังได้รับชมการแสดงของเยาวชนทีม BLOC D JUNIOR จากสมาคมจิตอาสาพัฒนา

จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวให้โอวาทฯ ตอนหนึ่งว่า สุขสันต์วันเด็ก เด็ก ๆ และเยาวชนทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง เด็กคือ ผู้กำหนดอนาคตของประเทศชาติของเรา ความปรารถนาสูงสุดของตนเองนั้น อยากให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถนั้นให้เป็นประโยชน์ทั้งต่อการดำรงชีวิตในมิติทางเศรษฐกิจและมิติของการสร้างความสุขให้กับตัวเองและผู้อื่น

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลมุ่งมั่นส่งเสริมให้เด็กทุกคนเข้าถึงระบบการศึกษา โดยตั้งเป้าหมาย Zero Dropout คือ จะไม่มีเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษาในประเทศนี้ โดยรัฐบาลจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนนักเรียนรายบุคคลที่หลุดออกจากระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบ พร้อมทั้งจะส่งเสริมการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น เพิ่มทางเลือกให้ตรงตามความต้องการและวิถีชีวิตของผู้เรียน มุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะ ทักษะอาชีพ และทักษะชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาซ้ำซาก

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันเด็กปีนี้ ได้มอบคำขวัญไว้ว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” เพราะอยากให้เด็กสัมผัสถึงความรัก ความห่วงใย ความปรารถนาดีจากผู้ใหญ่ อยากให้เห็นโลกกว้าง รัฐบาลอยากเห็นเด็กมีชีวิตอยู่ด้วยความรัก ความเข้าใจในความแตกต่างของผู้คนที่อยู่ร่วมกันในสังคม ซึ่งท้ายที่สุดจะก่อรูปเป็นวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่อยู่ร่วมกันบนฐานของความรัก ความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนร่วมชาติและเพื่อนมนุษย์ในโลก เป็นเด็กที่มีโลกทัศน์กว้างไกล เปิดรับเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตนอกเหนือจากในตำราเรียน

“ฝากถึงผู้ปกครองและคุณครู ต้องช่วยกันเสริมสร้างประสบการณ์และทักษะ เพื่อให้มีความพร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตให้ทันโลก ทันสมัยแห่งปัจจุบัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมอย่างเป็นสากล ซึ่งหมายถึงการเคารพในสิทธิเสรีภาพของกันและกัน เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต”นายกรัฐมนตรี ย้ำ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินเยี่ยมชมกิจกรรมสำหรับเด็กและเยาวชนจากหน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้หัวข้อ “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง และส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทย” เช่น กิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมและมารยาทไทย โดยกระทรวงวัฒนธรรม กิจกรรมส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬา “บัวขาว บัญชาเมฆ สร้างแรงบันดาลใจ ถ่ายทอดมวยไทยสู่เยาวชน” โดยบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กิจกรรม “อึกทึกคึกคักรักคาแรกเตอร์ไทย” ปล่อยพลังสร้างสรรค์ ร่วมออกแบบคาแรกเตอร์ไทย โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) (CEA) กิจกรรม “ท่องโลกสีรุ้ง” อ่านนิทาน เล่นบอร์ดเกมส์ โดยกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ฯลฯ เป็นต้น พร้อมทั้งร่วมถ่ายกับเด็กและเยาวชนอย่างเป็นกันเอง