In News

เผาอีกศพโควิดดีเจรุ่นใหญ่ติดวันเดียวดับ



นครปฐม-ครอบครัว ดีเจรุ่นใหญ่เปิดเพลงร้านคาราโอเกะ ติดเชื้อโควิด-19 ดับส่งเผาวัดไผ่ล้อม ภรรยาเผยตรวจ 2 ครั้งแรกไม่พบว่าเป็นอะไร เจ้าตัวโทรหาบอกไม่ไหวให้ลูกสาวแจ้งเจ้าหน้าที่มารับอาการคล้ายติดเชื้อ ตรวจรอบ 3 มีอาการไตวาย ก่อนมาดับในช่วงเช้าอีกวัน โดยก่อนทำพิธีหลวงพี่น้ำฝนคัดกรองเข้ม อึ้งพนักงานส่งศพ 3 คน พร้อมพระสงฆ์ 1 รูปไม่รู้ขนศพโควิด-19 มาเผา เร่งทำการฆ่าเชื้อทั้งคนและโลงศพพัลวัน ก่อนทำพิธีเร่งด่วนเรียงง่าย ศพที่ 7 ของวัดไผ่ล้อม

วันนี้ 24 เม.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่ฌาปนสถาน วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้รับการประสานเพื่อขอให้มีการจัดพิธีฌาปนากิจศพของนายสุรพล นกพึ่ง ชาวนนทบุรี อายุ 62 ปี ดีเจเปิดเพลงในร้านคาราโอเกะ ในกรุงเทพ เป็นการเร่งด่วน เนื่องจากซึ่งเสียชีวิตด้วยสภาวะการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 64 ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลเลิดสิน กรุเทพ โดยมีอาการปอดอักเสบติดเชื้อ ซึ่งทางวัดไผ่ล้อมได้มีการจัดการเตรียมสถานที่และมีการตรวจความพร้อมของอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่ก่อนทำพิธีอย่างรัดกุม ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของภรรยาและบุตรที่มาส่งดวงวิญญาณแบบไม่ทันตั้งตัวมาก่อน 

โดยเมื่อรถตู้ที่ได้นำโลงศพของนายสุรพลมาถึง ทางวัดได้มีการตรวจคัดกรองและการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อให้กับคนรับรถและพนักงานที่มาด้วยอีกครั้ง เนื่องจากไม่พบว่ามีการสวมชุดป้องกันมาและได้พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่โลงศพที่มีการบรรจุมาแล้วอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ก่อนจะนำเข้าเตาเผาและทำพิธีทันที ซึ่งพิธีการได้เสร็จสิ้นอ่างรวดเร็วซึ่งทางวัดไผ่ล้อมต้องเร่งเตรียมความพร้อมของเมรุให้มีความพร้อมเร็วที่สุดเนื่องจากช่วงนี้มีการส่งศพเร่งด่วนมาเผาที่วัดทันที ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่และคระสงฆ์ที่จะทำพิธีบังสุกุลจะต้องเตรียมพร้อมด้วยเช่นกัน 

นางยุวดี ภรรยาผู้ตาย บอกว่า หลายวันก่อนทราบข่าวว่าสามีเริ่มมีอาการป่วย เจ็บคอ ถ่ายท้องและมีไข้สูง ตนจึงบอกให้ไปพบแพทย์เนื่องจากผู้เสียชีวิตทำงานอยู่ในร้านคาราโอเกะซึ่งเป็นสถานที่เสี่ยง แต่ไม่ได้ไปจึงได้เพียงแต่กินยาบรรเทาอาการ หลังจากนั้นช่วง 3-4 วันถัดมา สามีเริ่มมีอาการหายใจไม่ออก จากนั้นเพื่อนของนายสุรพล สามี ได้พาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยโรงพยาบาลแรกเพียงแค่ซักประวัติ และให้สามีกลับบ้านเนื่องจากไม่ได้เป็นอะไรมาก และไม่ทราบว่าเป็นอะไร จึงได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลที่ 2 แต่สามีนั้นเริ่มมีอาการไม่ไหวเนื่องจากอาการหายใจไม่ออก เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้วจึงทำการอัลตร้าซาวน์ปอดแล้วแจ้งว่าสามีไม่ได้เป็นอะไร จึงได้ให้ยาและกลับมาพักที่บ้าน

นางยุวดี บอกต่อว่า แต่อาการของนายสุรพล นั้นกลับหนักขึ้นภายในวันเดียวทางนายสุรพล ได้โทรมาหาลูกสาวว่าทนไม่ไหวจึงได้บอกให้ลูกสาวไปดู ซึ่งเมื่อไปถึงพบว่ามีอาการทรุดหนักและบอกว่ามีการถ่ายท้อง จึงได้โทรประสานเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาลเลิดสิน โดยเมื่อมาถึงทางอาสาสมัครบอกว่าอาการคล้ายกับคนป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และทางแพทย์ได้รับตัวไว้และให้ออกซิเจนและตรวจโควิด-19 โดยอีกวันได้บอกว่ามีอาการของระบบไตและมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเตรียมล้างไตให้ แต่เช้าวันที่ 23 เมษายน ทางโรงพยาบาลได้แจ้งว่าสามีนั้นเสียชีวิตแล้ว 

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่าการจัดพิธีของนายสุรพล ที่วัดไผ่ล้อม เป็นร่างที่ทางวัดได้เผาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นรายที่ 7 ซึ่งยิ่งมีเข้ามาถี่มากขึ้น ซึ่งการเผาศพนั้นขอยืนยันว่ามีความปลอดภัยเพราะมีการซีลมาแล้ว 3 ชั้นและมีการฆ่าเชื้อมาแล้วตามหลักการที่ถูกต้อง ก่อนจะใส่โลงศพรวม 4 ชั้น โดยวัดไผ่ล้อมทำมาแล้วซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะเผาศพ และเป็นไปตามวัฎจักรของชีวิตคือ เกิด แก่ เจ็บ ตายและขอเป็นกำลังใจให้กับประชาชนและท่านทั้งหลายและให้มีความปลอดภัยทุกท่าน สิ่งเดียวที่จะทำได้ดีที่สุดคือการป้องกันไว้นั่นเอง

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะมีการนำศพเข้าเมรุ หลวงพี่น้ำฝน ได้สังเกตเห็นพนักงานขับรถที่มาส่งศพไม่ได้มีการนำสวมชุดป้องกันร่างกายมาจึงได้สอบถามและจัดคัดกรองก่อนเข้ามาทำพิธีพบว่าพนักงานขับรถทั้ง 3 และพระสงฆ์ที่มาด้วยไม่ได้รับการแจ้งว่าศพที่นำมานั้นเป็นผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้สั่งการให้หยุดการดำเนินการและตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงให้มีการนำชุดป้องกันมาให้พนักงานที่จะยกโลงศพลงจากรถโดยเป็นไปตามมาตรการที่เข้มงวดของวัดไผ่ล้อม พร้อมกับแจ้งให้มีการเข้มเรื่องการฆ่าเชื้อด้วยการพ่นยาฆ่าเชื้อกับบนชุดของพนักงานก่อนที่จะขนศพและกลับออกไปจากวัดไผ่ล้อมด้วย