In Bangkok

เตรียมตั้งทีมพิทักษ์จิตเวชลุยค้นหาส่งต่อ ตามดูแลผู้ป่วยจิตเวชจากยาเสพติด



กรุงเทพฯ-(16 ม.ค. 67) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุม ชั้น 8 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง เพื่อหารือแนวทางในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งในที่ประชุมมีการรายงานถึงสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ และแนวทางการดำเนิการในด้านต่าง ๆ ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีการจับกุมคดียาเสพติดคดีร้ายแรง 3,254 คดี โดยพื้นที่ที่มีการจับกุมเรียงตามลำดับสูงสุด 1-3 ดังนี้ 1. เขตลาดกระบัง 159 คดี 2. เขตคลองเตย 142 คดี และ 3. เขตบางกะปิ 141 คดี

นอกจากนี้ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้รายงานถึงแนวทางการจัดตั้งทีมพิทักษ์จิตเวชโดยศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเขต (ศป.ปส.ข.) โดยมีโครงสร้างทีมพิทักษ์จิตเวช ประกอบด้วย 1. บุคลากรจากสำนักงานเขต 2. บุคลากรจากศูนย์บริการสาธารณสุข 3. บุคลากรจากสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ 4. อาสาสมัครสาธารณสุขที่รับผิดชอบงานยาเสพติด/จิตเวช 5. ชมรมรักษ์ใจ (ถ้ามี) 6. กรรมการชุมชน (ถ้ามี) และทีมพิทักษ์จิตเวชมีบทบาทหน้าที่ คือ 1. การค้นหาและส่งต่อข้อมูลผู้เสพ/ผู้ติดและผู้ป่วยจิตเวชเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา 2. เข้าร่วมการซ้อมแผนเผชิญเหตุ 3. การติดตามดูแลช่วยเหลือผู้ที่ผ่านการบำบัดรักษาและผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาและสารเสพติดในชุมชน 4. รวบรวมข้อมูลผู้ป่วยจิตเวชจากยาเสพติดทั้งหมด 5. รายงานการกินยาจิตเวชทุกวัน ผ่าน Line OA ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดเพิ่มเติมและตั้งเป้าหรือคาดว่าจะสามารถเริ่มดำการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567

ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้กล่าวในที่ประชุมว่า นอกจากเรื่องยาเสพติดที่กรุงเทพมหานครและภาคส่วนต่าง ๆ ต้องร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาแล้ว ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังมีความห่วงใยในเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า ถึงแม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่เชิงเป็นยาเสพติด แต่ก็มีสิ่งที่จะต้องดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของกัญชาที่มีร้านจำหน่ายเปิดเพิ่มขึ้นแทบทุกวัน และบางร้านอยู่ใกล้สถานศึกษา โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้เน้นย้ำ และอาจต้องมีการจัดทำข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานครเองหรือไม่ เพราะต้องดูเรื่องความปลอดภัยให้เยาวชนก่อน ซึ่งในส่วนนี้อาจจะต้องหารือกันอีกครั้งในหลักคิดโดยใช้ความละมุนละม่อม รวมถึงเรื่องการเพิ่มพื้นที่ฟื้นฟูผู้ที่ติดยาเสพติดด้วย แม้ว่ากทม. จะมีบ้านพิชิตใจแต่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด สามารถหาพื้นที่เพิ่มเติมได้หรือไม่ ซึ่ง กทม. อยากร่วมมือหน่วยงานภายนอก และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้เยอะขึ้น ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครมีความร่วมมือกับ พม. หลายด้าน เช่น เรื่องคนไร้บ้านซึ่งเป็นกลุ่มคนเปราะบางในสังคม และเรื่องยาเสพติด 

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้พูดแค่ว่างานนี้เป็นของใคร คนรับผิดชอบเป็นใคร อาจรู้ว่าผู้ดูแลเป็นใคร แต่ในการทำงานต้องมีความร่วมมือกับหลายหน่วยงานในการดำเนินการ ซึ่งในการดูแลผู้ติดยาเสพติดนอกจากเรื่องของการบำบัดแล้ว อยากให้มีการพูดถึงเรื่องอื่น ๆ เช่น การสร้างอาชีพให้ เพื่อให้มีรายได้ดูแลตัวเองสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ รวมถึงการทำให้ชุมชนเข้มแข็ง เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชน

สำหรับการประชุมวันนี้มี นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย แพทย์หญิงภาวิณี  รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย นายแพทย์ธนัช พจน์พิศุทธิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล ผู้แทนสำนักพัฒนาสังคม ผู้แทนสำนักการศึกษา ผู้แทนสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ผู้แทนสำนักการแพทย์ ผู้แทนสำนักเทศกิจ ผู้แทนสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (ฝ่ายทหาร) ผู้แทนสำนักงานปกครองและทะเบียน ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนอธิบดีกรมคุมประพฤติ ผู้แทนอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ผู้แทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้แทนสำนักงานเขตสุขภาพที่ 13  ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม