Authority & Harm

'อโนชา'ปธ.ศาลฎีกาเป็นประธานพิธีเปิด ห้องละหมาดของศาลอาญา



กรุงเทพฯ-“อโนชา” ปธ.ศาลฎีกา เป็นประธานพิธีเปิดห้องละหมาด ศาลอาญา เพื่อให้บุคลากรศาล คู่ความ และประชาชนที่เป็นมุสลิมได้ปฏิบัติตามหลักศาสนา โดยมี เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา จุฬาราชมนตรี เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียเข้าร่วม

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 ม.ค.  ที่ศาลอาญา ชั้น 8 ถ.รัชดาภิเษก  นางอโนชา  ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานพิธีเปิดห้องละหมาด เพื่อใช้ในการสนับสนุนปฏิบัติศาสนกิจของบุคลากรศาลอาญา บุคลากรของศาลใกล้เคียง ตลอดจนคู่ความและประชาชนผู้มาติดต่อราชการศาลอาญา โดยมี นายยอดชาย วีระพงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา , นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร (นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา), นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี,นายอับดุรเราะห์มาน อับดุลอะซีซ อัลซุฮัยบานี (H.E. Mr. Abdulrahman Abdulaziz Alsuhaibani) เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย มาร่วมพิธีเปิด 

 

นางอโนชา ประธานศาลฎีกา กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นประธานในพิธีเปิดห้องละหมาดของศาลอาญา ซึ่งทราบถึงความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการปรับปรุงพื้นที่บริเวณชั้น 8 ของศาลอาญา เพื่อใช้สำหรับเป็นห้องละหมาดประจำศาลอาญา  เป็นการเล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้แก่ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้แก่คู่ความและประชาชนซึ่งเป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามให้สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างเหมาะสมในระหว่างเดินทางมาติดต่อราชการ การประกอบพิธีละหมาดนั้นเป็นศาสนกิจที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยอาจกล่าวได้ว่าเป็นหน้าที่และกิจวัตรประจำวันที่พึงต้องปฏิบัติของชาวมุสลิม ตลอดจนเป็นการกล่าวขอบคุณและยกย่องพระเจ้า ทำให้ผู้ปฏิบัติพิธีละหมาดมีความรู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้า ส่งผลให้จิตใจของผู้ปฏิบัติสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากความมัวหมอง จึงเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ศาลอาญาส่งเสริมและให้ความสำคัญกับการปฏิบัติศาสนกิจของบุคลากรและผู้มาติดต่อราชการอย่างเท่าเทียมไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ซึ่งการปฏิบัติตามคำสอนอันดีงามของแต่ละศาสนานั้น เป็นรากฐานแห่งคุณงามความดี ที่จะนำพาให้การดำเนินชีวิต เป็นไปอย่างมีสันติสุข และเป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้สังคมเกิดความสงบสุข ร่มเย็น อย่างยั่งยืน

นายยอดชาย อธิบดีศาลอาญา กล่าววว่า สำหรับการส่งเสริมการปฏิบัติศาสนกิจของอิสลามิกชนหรือมุสลิมตามหลักศาสนาอิสลามนั้น แต่เดิมศาลอาญาได้มีการเปิดให้บริการห้องละหมาด ศาลอาญา อาคารศาลอาญา ชั้น 8 อย่างไม่เป็นทางการมาเป็นเวลานาน ซึ่งมีผู้มาใช้บริการในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ทำให้มีสภาพเก่าและชำรุดไปตามระยะเวลาการใช้งาน ต่อมาศาลอาญาได้ดำเนินการปรับปรุงพื้นและผนังห้องละหมาดให้มีสภาพดี รวมทั้งติดตั้งอ่างน้ำสำหรับชำระล้างร่างกายก่อนทำพิธี พร้อมใช้งานและมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่บุคลากรของศาลอาญา บุคลากรภายในสำนักงานศาลยุติธรรม รวมถึงคู่ความและประชาชนผู้มาติดต่อราชการ ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามได้ใช้ห้องละหมาด สำหรับการประกอบพิธีละหมาดตามหลักศาสนาอิสลาม สอดคล้องกับนโยบายประธานศาลฎีกาที่มุ่งเน้นการอำนวยความยุติธรรม สร้างความเท่าเทียมให้แก่บุคลากร สังคมและประเทศชาติ ประกอบกับแนวทางของสำนักงานศาลยุติธรรมด้านการส่งเสริมสนับสนุนวิธีการทำงานอย่างมีความสุขของบุคลากรซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ

ด้านนายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สมัยที่ตนเองเคยเป็นทนายความมาปฏิบัติงานที่ศาลอาญา เมื่อถึงเวลาเที่ยงต้องหาสถานที่ละหมาดใต้ต้นไม้ หรือบริเวณอื่น ซึ่งไม่ค่อยมีความสะดวกมากนัก ดังนั้น การมีสถานที่ละหมาด จึงมีความหมายเป็นอย่างมากต่อพี่น้องมุสลิม เพราะการละหมาดนั้นถือเป็นการให้อาหารทางจิตวิญญาณที่จะให้บรรลุถึงความสมบูรณ์ ความสะอาด และ มีความดีงามทั้งทางด้านร่างกายและจิตวิญญาณ การเปิดโอกาสให้มีห้องละหมาดในวันนี้ ผมต้องขอบคุณแทนพี่น้องมุสลิมทุกท่าน 

ผู้สื่อข่าวรายงานในวันนี้ มีบุคลากรสำคัญจากหลายภาคส่วนเข้าร่วมได้แก่ ศาลยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม รัฐสภา สถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี ทนายความมุสลิม จากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมป์ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อสารมวลชนมุสลิมแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร   ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) พร้อมด้วยบุคลากรของศาลอาญา รวมประมาณ 100 คน